ต้นไม้ใหญ่ ดอกไม้เล็กๆ พื้นหญ้าสีเขียว ทั้งหมดเรียงรายอยู่อย่างบรรจงบนพื้นที่ขนาดกำลังดี แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะแก่การเรียนรู้
วันนี้เราได้เดินทางมาถึง โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์ โรงเรียนอนุบาล แห่งย่านเทพารักษ์ สำโรง บางพลี ที่ร่มรื่นจนทำให้เราอยากเดินสำรวจโรงเรียนแห่งนี้ให้ทั่วถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรามีนัดกับ ครูเพลง—ต้องตา จิตดี ผู้จัดการโรงเรียน และ ครูไหม—ศุลีพร ทรัพย์ประเสริฐ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ที่จะพาเราเดินชมและเล่าเรื่องราว โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์ ให้เราฟัง
ความเป็นมาของโรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์
โรงเรียนเกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างคุณมณเฑียร ไหลมา (คุณทวดของครูเพลง) คุณครูที่เล็งเห็นว่าย่านสำโรงนี้ยังมีโรงเรียนอนุบาลค่อนข้างน้อย เลยเกิดความคิดที่จะเปิดโรงเรียนอนุบาล จึงชักชวนคุณต้องจิตต์ จิตดี (คุณแม่ของครูเพลง) ที่เพิ่งเรียนจบให้มาช่วยเป็นผู้อำนวยการให้ และญาติอีกคนที่เป็นครูอยู่ก่อนแล้ว มาช่วยกันก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์ขึ้น
หลักสูตรที่เน้นเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ
โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์ จะใช้การเรียนการสอนแนวบูรณาการ (Active learning) โดยให้เด็กๆ เรียนรู้ผ่านการเล่นและการลงมือทำ ไม่ได้เน้นให้เด็กๆ นั่งโต๊ะเขียนหนังสือ แต่เป็นการใช้ศิลปะ ดนตรี ธรรมชาติเข้ามาอยู่ในการเรียนการสอน
“โรงเรียนมีคำขวัญว่า ‘เรียนเล่นสมวัย ชีวิตก้าวไกล เพราะเริ่มต้นดี’ มันเป็นเป้าหมายจริงๆ ของโรงเรียนที่อยากให้เด็กๆ ของเรามีพื้นฐานที่ดี” ครูไหมเล่าเพิ่ม
เด็กกับสัญชาตญาณนักวิจัย
โรงเรียนจะมีวิชา Project Approch หรือ การทำโปรเจกต์ส่วนตัวในเรื่องที่ตัวเองสนใจ ซึ่งจะส่งผลให้เด็กๆ รู้จักตัวตน มีความใฝ่รู้ มีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ผ่านการลงมือทำ ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่จะเน้นการส่งเสริม EF (Executive Function) คือ ทักษะชีวิต หรือความสามารถในการควบคุมความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของตนเอง ทำให้สามารถปรับตัวและใช้ชีวิตในสังคมได้เป็นอย่างดี
เราเชื่อว่าเด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับมีสัญชาตญาณนักวิจัยในตัว เขาจะมีคำถามตลอดเวลา แล้วเราก็อยากรักษาสิ่งนี้ไว้ให้อยู่กับเด็กๆ ไม่ให้เสื่อมสลายหายไป แล้วเราก็ให้อิสระกับเด็กๆ ในการเลือกหัวข้อที่เขาสนใจแล้วลงมือทำด้วยตัวเอง นอกจากจะได้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังทำให้เขาได้รับกระบวนการค้นคว้าหาความรู้ติดตัวกลับไปอีกด้วย เพราะในโลกอนาคตอีกหลายสิบปีข้างหน้าอาจจะเปลี่ยนไป ความรู้ที่คุณครูสอนให้เขาในวันนี้ ก็อาจจะไม่ได้อยู่ตลอด แต่กระบวนการที่เด็กๆ ทำความเข้าใจโลกด้วยตัวเองซึ่งเป็นสกิลที่สำคัญจะอยู่กับเขาไปตลอด
“Project Approch จะเริ่มตั้งแต่อนุบาล 1–3 จะสังเกตได้ว่าพอโตขึ้น ความคิดของเด็กๆ จะเริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเด็กๆ ได้ลงมือทำ ความรู้และกระบวนการเหล่านี้จะติดตัวเขาต่อไปได้โดยไม่ต้องท่องจำ ซึ่งเป็นสกิลที่ทำให้เด็กเชื่อมโยงกับเรื่องต่างๆ ในชีวิตได้”
ธรรมชาติสร้างความรู้
“โรงเรียนของเราเน้นธรรมชาติมากๆ เราจะเน้นให้เด็กได้ออกมาทำกิจกรรมกับธรรมชาติ ได้สัมผัสธรรมชาติ และมีคุณครูดูแลอย่างใกล้ชิด” ครูไหมพูดเหมือนรู้ใจว่าเราประทับใจในสภาพแวดล้อมที่นี่มาก
“ปัจจุบันผู้คนเริ่มออกห่างจากธรรมชาติ แล้วก็รู้สึกว่าธรรมชาติกับมนุษย์ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน แต่ว่าความจริงแล้วเราอยากให้เด็กเข้าใจว่าธรรมชาติกับมนุษย์เป็นเรื่องเดียวกัน ตัวเราเองก็เกิดจากธรรมชาติ ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด แล้วธรรมชาติสอนเด็กๆ ไปในตัวว่าให้เขามีเมตตา มีความอ่อนโยน ในขณะเดียวกันก็แข็งแกร่งด้วย เช่น เราชวนเด็กมาปลูกต้นไม้กัน เริ่มจากเมล็ด ค่อยๆ เติบโต จนกระทั่งใบไม้ร่วง เหมือนได้สอนให้เด็กๆ ได้เห็นความเป็นจริงของชีวิต ซึ่งไม่ว่าจะเรียนวิชาอะไร มันสามารถใช้ธรรมชาติเข้าไปผสมผสานได้หมด” ครูเพลงเสริม
คุณครูคือกลไกลสำคัญในการสร้างตัวตนของเด็ก
คุณครูที่นี่จะเปรียบเสมือนเป็นเพื่อนที่รู้ใจคนหนึ่งของเด็กๆ และต้องทำความเข้าใจความรู้สึกของเด็กให้ได้มากที่สุด
“หนึ่งในคุณสมบัติในการมาเป็นคุณครูที่นี่คือต้องรักเด็ก อ่อนโยน และมีความรักในอาชีพครู”
โรงเรียน ผู้ปกครอง และเด็ก เป็นเรื่องเดียวกัน
จริงๆ คุณพ่อคุณแม่มีบทบาทมากๆ เพราะพ่อแม่คือครูคนแรกของลูก แต่เราเป็นเพียงคนที่ช่วยขับเคลื่อนเพื่อให้เด็กๆ เติบโตอย่างงดงามไปพร้อมกัน
“ตั้งแต่ปฐมนิเทศเราจะชวนผู้ปกครองมาเรียนแบบที่ลูกเรียน เพื่อให้เขารู้ว่าเด็กๆ จะเรียนแบบไหนบ้าง เพื่อให้เรามีแนวทางที่ตรงกัน”
ใช้นิทานเป็นหลัก
เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าเด็กกับนิทานสำคัญมากขนาดไหน ที่นี่จึงให้ความสำคัญกับการเล่านิทานมาก แล้วหลังจากเล่านิทานเสร็จ ก็จะมีกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับนิทานด้วย เช่น ดนตรี ทำอาหาร ศิลปะ เพื่อให้เขายังรู้สึกอินกับนิทานอยู่
“เพลงจะรณรงค์ให้คณครูทุกห้องใช้นิทานเป็นหลักไม่ว่าจะเรียนเรื่องอะไรก็ตาม อยากให้เด็กๆ ได้ฟังแล้วจินตนาการ รวมถึงอยากให้เขาได้สัมผัสกระดาษมากกว่าหน้าจอ”
“เราไม่ได้เน้นแค่สุขภาพจิตของเด็กอย่างเดียว แต่คุณครูก็ต้องแข็งแรงทั้งสุขภาพกายและใจ เพราะเป็นสิ่งที่เขาต้องส่งต่อไปหาเด็กๆ แล้วเราก็จะให้กำลังใจคุณครูตลอดว่าการเป็นครู คืออาชีพที่มีคุณค่ามากๆ”
ไม่ได้เน้นแค่สุขภาพจิตของเด็ก แต่สุขภาพจิตของครูก็สำคัญ
“ในส่วนของการเป็นอยู่ของบุคลากร เราจะส่งเสริมการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน อย่างคุณครูเราจะมีประชุมทั่วไป แต่ว่าเราจะมีเป็นเหมือนการมานั่งแชร์กันด้วย เช่น เพลงไปเวิร์กช็อปดนตรี ครูไหมไปเวิร์กช็อปศิลปะ หรือครูคนไหนที่ไปเวิร์กช็อปเรื่องอื่นๆ มา เราก็จะมาแชร์กันว่ามีอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและเด็กๆ ของเรา เราไม่ได้เน้นแค่สุขภาพจิตของเด็กอย่างเดียว แต่คุณครูก็ต้องแข็งแรงทั้งสุขภาพกายและใจ เพราะเป็นสิ่งที่เขาต้องส่งต่อไปหาเด็กๆ แล้วเราก็จะให้กำลังใจคุณครูตลอดว่าการเป็นครู คืออาชีพที่มีคุณค่ามากๆ” คุณครูเพลงและคุณครูไหมกล่าวกับเราทิ้งท้าย ก่อนขอตัวไปส่งเด็กๆ กลับบ้านในวันนี้
COMMENTS ARE OFF THIS POST