มนุษย์ทุกคนมีสัญชาตญาณของความกลัว แต่ความกลัวของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน คุณพ่อคุณแม่ก็ย่อมมีสิ่งที่ทำให้รู้สึกกลัวและไม่อยากเข้าใกล้ บางอย่างเป็นความกลัวที่ติดตัวไปตลอด แต่ความกลัวบางอย่างก็สามารถลดลงและเปลี่ยนแปลงได้ ตามประสบการณ์และความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น
แต่สำหรับเด็กๆ บางครั้งความกลัวก็เกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล เช่น คุณพ่อคุณแม่อาจเคยสังเกตว่า ลูกกลัวสัตว์ประหลาด ที่เห็นจากนิทานหรือการ์ตูน แล้วนำมาปะติดปะต่อเป็นเรื่องราว หรือ ลูกกลัวสัตว์ประหลาด ในจินตนาการ
ข้อมูลจาก Paediatrics & Child Health วารสารทางการแพทย์ที่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิด้านกุมารเวชศาสตร์ ซึ่งตีพิมพ์โดยมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด ระบุว่า เด็กอายุ 2-3 ปี ส่วนใหญ่จะกลัวสิ่งที่ส่งเสียงดัง เช่น เสียงฟ้าร้อง ประทัด หรือสุนัขเห่า
ในขณะที่เด็กวัยอนุบาล 3-5 ปี มักจะกลัวอันตรายจากในจินตนาการ กลัวเพราะคนอื่นกลัว ตัวเองเลยกลัวสิ่งนั้นไปด้วย เช่น งู แมงมุม หนอน หรือกลัวต่อสิ่งที่เคยประสบด้วยตัวเอง เช่น กลัวเจ็บ กลัวพายุ รวมไปถึงกลัว ‘คนใจร้าย’ เช่น แม่มดในนิทาน หรือสัตว์ประหลาดในการ์ตูน
ความกลัวชนิดนี้เรียกว่า Teraphobia ทำให้ลูกนอนไม่ค่อยหลับ กระสับกระส่ายในช่วงเวลาก่อนเข้านอน นอนแล้วสะดุ้งตื่น หวาดระแวง และไม่ค่อยอยากกินอาหาร
ถึงแม้ว่าความกลัวสัตว์ประหลาดอาจจะหายไปเองเมื่อลูกโตขึ้น แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกต้องใช้ชีวิตอยู่กับความกลัวนานเกินไป เราจึงรวบรวมวิธีดีๆ ที่จะช่วยให้ลูกน้อยผ่านพ้นจากความกลัวของตัวเองได้
1. แสดงความเข้าใจ
Dr. Harvey Karp, MD, FAAP กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กในประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า เครื่องมือที่จะช่วยบรรเทาความกลัวสัตว์ประหลาดของลูกได้นั้น สิ่งแรกคือ ทำให้ลูกเห็นว่า คุณพ่อคุณแม่เข้าใจความกลัวของเขา และให้ความสำคัญกับความรู้สึกของลูกอย่างจริงจังและจริงใจ
วิธีแสดงออกที่ควรทำ เช่น นั่งอยู่ข้างๆ โอบกอด หรือจับมือลูกเอาไว้ เปิดโอกาสให้ลูกได้ระบายความรู้สึกกลัวออกมา โดยไม่ตัดสิน เพื่อให้ลูกรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเข้าใจและอยู่ข้างลูกเสมอ จากนั้นค่อยอธิบายว่าลูกควรจะรับมือและจัดการกับความกลัวนั้นอย่างไร
2. สร้างความมั่นใจด้วยอาวุธต่อสู้และป้องกันสัตว์ประหลาด
ถ้าลูกยังเล็ก คุณพ่อคุณไม่จำเป็นต้องรีบปิดกั่นจินตนาการของลูกด้วยการบังคับให้ลูกเชื่อว่าสัตว์ประหลาดไม่มีจริง แต่สามารถต่อยอดจินตนาการของลูกจินตนาการและความกลัวของลูกออกมาเป็นทักษะด้านอื่น เช่น หากลูกกลัวสัตว์ประหลาด ก็ต้องมีอะไรบางอย่างไว้ต่อสู้ เราลองมาประดิษฐ์อาวุธไล่สัตว์ประหลาด เช่น สเปรย์ไล่สัตว์ประหลาด เพียงแค่ใช้ขวดสเปรย์ เติมน้ำเปล่า แล้วหยดน้ำมันหอมเล็กน้อย ให้ลูกเอาไว้ฉีดพ่นบริเวณที่คิดว่าสัตว์ประหลาดจะซ่อนตัวอยู่ หรือบริเวณไม่อยากให้สัตว์ประหลาดเข้ามาใกล้
3. ปรับโหมดก่อนนอนให้ผ่อนคลายขั้นสุด
ความกลัวของเด็กมักปะทุขึ้นเมื่ออยู่สถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกอึดอัด และสภาพแวดล้อมที่ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย เช่น ห้องนอนที่มืดเกินไป เตียงนอนคับแคบหรือกว้างขวางเกินไป จนทำให้รู้สึกกลัวเมื่อต้องเข้านอน
แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยให้ลูกผ่อนคลายได้ด้วยการสร้างบรรยากาศในห้องนอนให้น่านอน อบอุ่น และปลอดภัย เช่น เปิดเพลงผ่อนคลายเบาๆ หรี่ไฟ ปิดโทรทัศน์และงดหน้าจอหนึ่งชั่วโมงก่อนเข้านอน เพื่อช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัยเข้าสู่โหมดสงบ ลดการสร้างจินตนาการที่เป็นบ่อเกิดความกลัวของตัวเองต่อไป
4. ให้รางวัลในความกล้าหาญ
สร้างกำลังให้ลูกก้าวผ่านความกลัว ด้วยการให้รางวัลเมื่อลูกมีพฤติกรรมที่กล้าหาญ อาจเป็นของเล่นชิ้นเล็กๆ หนังสือนิทานเล่มใหม่ หรือสติกเกอร์สะสมความกล้าหาญ เมื่อรวบรวมสติกเกอร์ได้ตามจำนวนที่กำหนดไว้ สามารถนำมาแลกเป็นของที่ลูกอยากได้ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ลูกรู้สึกอยากเอาชนะความกลัวของตัวเองมากขึ้น
ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่อย่าพยายามกดดันลูกให้กล้าหาญ ลูกจะต้องใช้เวลาในการเผชิญหน้าและค่อยๆ ก้าวข้ามความกลัวนั้นไปได้ด้วยตัวของเขาเอง
COMMENTS ARE OFF THIS POST