การ์ตูนหรือแอนิเมชันคือ หนึ่งในความบันเทิงยอดนิยมตลอดกาลของเด็กๆ เพราะไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ลองได้เปิดการ์ตูนหรือแอนิเมชั่นให้เด็กๆ ดูแล้วละก็ เป็นต้องสนใจและจ้องมองด้วยแววตาเป็นประกายกันเลยทีเดียว
เมื่อพบว่า ลูกชอบดูการ์ตูน คุณพ่อคุณแม่จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจนัก เพราะโดยทั่วไปแล้วการ์ตูนสำหรับเด็กก็ช่วยส่งเสริมให้ลูกมีจินตนาการ กระตุ้นการเรียนรู้ และหากเลือกให้การ์ตูนที่เหมาะสมตามช่วงวัยของลูก การ์ตูนก็ยังสามารถสอดแทรกคำสอนหรือวิธีคิดต่างๆ ให้ลูกได้อย่างแนบเนียบ
ในขณะที่การศึกษาของวิทยาลัยบัณฑิตสังคมสงเคราะห์แห่งมหาวิทยาลัยฮูสตัน ระบุว่า การ์ตูนช่วยให้เด็กเล็กเข้าใจเรื่องที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น มีส่วนพัฒนาการจดจำ กระตุ้นและส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ผ่านการมองเป็นภาพอีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น หน่วยงานกำกับดูแลสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของฝรั่งเศส หรือ Conseil supérieur de l’audiovisuel (CSA) ระบุว่า หาก ลูกชอบดูการ์ตูน และพ่อแม่ให้ลูกดูการ์ตูนหรืออยู่กับหน้าจอมากเกินไป จะส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย อารมณ์ และสติปัญญาของลูกได้
เพื่อไม่ให้การ์ตูนที่ควรจะเป็นสื่อบันเทิงที่มีประโยชน์สำหรับเด็ก กลายเป็นสิ่งที่ส่งผลเสียต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของลูกน้อย นอกจากการเข้มงวดและจริงจังเรื่องการจำกัดเวลาใช้หน้าจอแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องมีส่วนร่วมในการช่วยคัดสรรการ์ตูนที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ตามช่วงวัยของลูก ด้วยเทคนิคดังต่อไปนี้
1. พ่อแม่ดูก่อน หรือขอดูด้วย
เพื่อให้แน่ใจว่า การ์ตูนที่ลูกดูมีเนื้อหาที่เหมาะสม คุณพ่อคุณแม่ควรหาโอกาสดูหรือทำความรู้จักการ์ตูนเรื่องนั้นๆ ด้วยตัวเอง และควรนั่งดูพร้อมกับลูกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะระหว่างการดูการ์ตูน ลูกอาจสงสัย มีคำถาม ไม่เข้าใจหรืออาจมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครที่ต้องเจอสถานการณ์บางอย่าง เช่น การสูญเสีย การทะเลาะวิวาท การสู้รบ หากคุณพ่อคุณแม่ดูอยู่ด้วย ก็จะสามารถอธิบายให้ลูกเข้าใจเหตุผลหรือแก้ไขความเข้าใจที่ผิดให้ลูกได้
2. เลือกเนื้อหาที่เหมาะสม
เมื่อลูกเริ่มดูการ์ตูนเข้าใจ นั่นหมายความว่าลูกกำลังอยู่ในช่วงวัยที่พร้อมจะเรียนรู้และจดจำเรื่องราวที่พบเจอในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น การ์ตูนที่คุณพ่อคุณแม่เลือกให้ลูก จึงควรเป็นการ์ตูนที่มีเนื้อเรื่องเชิงบวก เช่น การ์ตูนที่พูดถึง มิตรภาพ ความรัก ความผูกพัน ความดีและความชั่ว ความตายและการสูญเสีย ความสำคัญของครอบครัว การตั้งเป้าหมาย ความอดทนพยายาม รวมไปถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม เรื่องราวที่ส่งเสริมความซื่อสัตย์ ความเมตตา ความเคารพกันและกัน สามัคคี และไม่แบ่งแยก
ควรหลีกเลี่ยงการ์ตูนที่มีความรุนแรงในเรื่องราว ภาพ และเสียงที่ใช้ เพราะอาจจะส่งผลต่อจิตใจลูก เช่น ทำให้นอนไม่หลับ หวาดกลัว ผวาด วิตกกังวล กระวนกระวายใจ หรือมีการแสดงออกทางอารมณ์ที่รุนแรงตามตัวละครในการ์ตูนได้
3. เลือกเรื่องที่ใช้ภาษาได้อย่างเหมาะสม
การ์ตูนสำหรับเด็กส่วนมาก จะใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย มีคำพูดที่น่ารัก และให้ความสำคัญกับบทสนทนาระหว่างตัวละคร แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องระวังการ์ตูนสำหรับเด็กบางเรื่องที่อาจมีข้อความ บทสนทนา หรือการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมกับลูกวัยอนุบาลซ่อนอยู่ก็เป็นได้
ข้อควรระวังสำหรับคุณพ่อคุณแม่ก็คือ การ์ตูนที่มีภาพดึงดูดความสนใจ แต่ไม่มีการสื่อสาร เน้นการใช้เสียงดังหรือเสียงเอฟเฟ็กต์ประกอบมากเกินไป รวมทั้งคลิปการ์ตูนแบบสั้นๆ (Short Video) ที่ไม่ปะติดปะต่อ เลื่อนดูและกดผ่านได้แบบเร็วๆ เพราะอาจส่งผลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ของลูกได้
4. สังเกตและประเมินพฤติกรรมของลูก
นอกเหนือจากการเลือกดูการ์ตูนให้ลูก คุณพ่อคุณแม่ควรวางขอบเขต และกำหนดเงื่อนไขอย่างชัดเจน เช่น ลูกจะต้องทำกิจวัตรให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะดูการ์ตูนได้ ดูได้ครั้งละครึ่งชั่วโมงโดยไม่มีการต่อรอง ดูได้เฉพาะการ์ตูนที่คุณพ่อคุณแม่อนุญาตเท่านั้น
สิ่งสำคัญคือ คุณพ่อคุณแม่ควรประเมินว่า พฤติกรรมการดูการ์ตูนหรือใช้หน้าจอของลูกจะส่งผลต่อพฤติกรรมของลูกหรือไม่ เพราะการปล่อยให้ลูกใช้เวลากับการดูจอมากเกินไป อาจส่งผลต่อความอดทน ไม่รู้จักรอคอย ใจร้อน หงุดหงิดง่าย รวมทั้งส่งผลต่อการมีสมาธิจดจ่อ หรือสนใจสิ่งอื่นน้อยลง
หากพบว่าลูกเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ก็ควรรีบปรับเวลาการดูการ์ตูนและจำกัดเวลาใช้หน้าจอให้น้อยลงกว่าเดิม เปลี่ยนเป็นชวนลูกให้ทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายและส่งเสริมทักษะด้านอื่นให้มากขึ้น
COMMENTS ARE OFF THIS POST