READING

ขับรถลุยน้ำท่วม สถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอ: 6 เท...

ขับรถลุยน้ำท่วม สถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอ: 6 เทคนิค รับมือสถานการณ์ขับรถตอนน้ำท่วม

ขับรถลุยน้ำท่วม

ฝนตก รถติด ในเวลาเร่งด่วน ก็ว่าแย่แล้ว แต่ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือการที่ฝนตก รถติด และยังมีน้ำท่วมขังตามถนน  ทำให้ต้องเกิดสถานการณ์ขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไม่ทันตั้งตัวได้

กรมการขนส่งทางบก จึงเลยออกมาให้คำแนะนำผู้ใช้รถใช้ถนนรู้ว่าน้ำท่วมแค่ไหนที่ไม่ควรฝืนขับรถเข้าไป และวิธีวิธี ขับรถลุยน้ำท่วม อย่างไรไม่ให้เครื่องดับก่อนจะไปถึงที่หมาย

วันนี้เราเลยรวบรวมข้อมูลมาให้คุณพ่อคุณแม่กันค่ะ

น้ำท่วมระดับไหนไม่ควรขับรถลุย

• ระดับน้ำ 5-10 ซม.

สามารถขับรถผ่านได้ แต่ไม่ควรใช้ความเร็วสูง เพราะเนื่องจากถนนลื่น ซึ่งอาจทำให้เกิดสูญเสียการควบคุมได้

• ระดับน้ำ 10-20 ซม.

ถ้าหากเป็นรถขนาดเล็ก อาจได้ยินเสียงน้ำใต้ท้องรถ จึงควรขับด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสที่น้ำจะเข้าไปในตัวรถได้

• ระดับน้ำ 20-40 ซม.

รถเล็กมักถูกออกแบบให้มีความสูงจากระดับพื้น 15-17 ซม. โดยเฉพาะรถยนต์อีโคคาร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาท่อไอเสียจม แต่ยังสามารถขับลุยน้ำผ่านได้ ด้วยความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

• ระดับน้ำ 40-60 ซม.

รถเก๋งและรถขนาดเล็กควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากน้ำอาจเข้าสู่ตัวรถ และทำให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ได้ ส่วนรถใหญ่ เช่น รถกะบะ ยังสามารถขับลุยน้ำท่วมระดับนี้ได้ แต่ควรปิดแอร์เพื่อป้องกันพัดลมแอร์พัดน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์ และควรขับขี่ให้ช้าลง

• ระดับน้ำ 60-80 ซม. และสูงเกินกว่า 80 ซม.

ควรหลีกเลี่ยงและใช้เส้นทางอื่น เพราะน้ำอาจไหลเข้าห้องเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ดับ หยุดชะงัก ก่อให้เกิดความเสียหายในระบบต่างๆ ได้

 

และถ้าหากระหว่างขับลุยน้ำท่วมอยู่นั้นเกิดรถดับ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรพยายามสตาร์ตรถใหม่ เพราะจะยิ่งทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า ทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นได้ แต่ควรหาทางเข็นรถให้พ้นจากระดับน้ำไปก่อน หรือหารถมาช่วยลากออกจากพื้นที่ตรงนั้นค่ะ

ในสถานการณ์ที่กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เราก็ได้รวบรวมเทคนิคการขับรถลุยน้ำท่วมไม่ให้รถดับ มาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ

•  ปิดแอร์เมื่อต้องขับรถลุยน้ำท่วม

เนื่องจากการเปิดแอร์ ทำให้พัดลมในรถทำงานตลอดเวลา เมื่อเจอน้ำท่วมขังอาจทำให้ใบพัดลมตีน้ำขึ้นมาโดนบริเวณห้องไฟฟ้า ซึ่งอาจทำให้เกิดการช็อตและทำให้เครื่องยนต์ดับได้

•  ลดความเร็ว

หลายคนมักเข้าใจว่าเมื่อเจอน้ำท่วมต้องขับรถให้เร็วเพื่อเป็นการเลี้ยงเครื่องยนต์ แต่ความจริงแล้ว ควรลดความเร็วและรักษาความเร็วให้คงที่ เพื่อป้องกันน้ำตีเข้าเครื่องยนต์นั่นเองค่ะ

•  ใช้เกียร์ต่ำ

สำหรับการขับลุยน้ำท่วมขัง เกียร์ธรรมดาควรใช้แค่ เกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 เกียร์ออโต้ควรใช้เกียร์ L หรือ เกียร์ 1 นอกจากนี้ควรรักษารอบเครื่องเอาไว้ประมาณ 1,500 – 2,000 รอบ เพราะหากรอบต่ำเกินไป เครื่องยนต์อาจดับได้

•  รักษาระยะห่างจากรถคันอื่น

เนื่องจากเวลาที่เกิดน้ำท่วม ทำให้ประสิทธิภาพของผ้าเบรกจะลดลง เบรกไม่ค่อยอยู่ จึงควรรักษาระยะห่างกับรถคันข้างหน้า เพราะเมื่อเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินจะสามารถชะลอรถได้ทัน

•  ขับรถพ้นน้ำท่วม เหยียบเบรกย้ำๆ

เมื่อคุณพ่อคุณแม่ขับรถพ้นจุดที่น้ำท่วมมาแล้ว ควรเหยียบเบรกย้ำไปเรื่อยๆ เพื่อไล่น้ำออกจากผ้าเบรก

•  ถึงจุดหมายแล้ว อย่าเพิ่งดับเครื่องทันที

  เมื่อถึงที่หมายแล้ว จอดรถอย่าเพิ่งดับเครื่องทันที ให้คุณพ่อคุณแม่สตาร์ตรถยนต์ทิ้งเอาไว้ก่อนสักพัก เพื่อไล่น้ำและความชื้นที่ค้างอยู่ภายในเครื่องยนต์

อ้างอิง
safedrivedlt
safetyinthai

Supinya R.

ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)

COMMENTS ARE OFF THIS POST