ต่อให้คุณเป็นพ่อแม่ที่ใจเย็นและมีเหตุผลมากแค่ไหน แต่ในเวลาที่ ลูกดื้อมาก ก็อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ และเผลอปรี๊ดแตกใส่ลูกได้ง่ายๆ

การแสดงพฤติกรรมฉุนเฉียวและอารมณ์ร้อนใส่ลูก ไม่ว่าจะเป็นการพูดตะคอกเสียงดัง การลงโทษลูกด้วยความรุนแรง นอกจากจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของลูกแล้ว ยังเป็นตัวอย่างของพฤติกรรมที่ไม่ดีอีกด้วย

เพื่อช่วยไม่ให้คุณพ่อคุณแม่ลืมตัว เวลาที่ ลูกดื้อมาก จนเผลอทำพฤติกรรมไม่น่ารักใส่ลูก เราจึงอยากมาแนะนำเทคนิคดีๆ เอาไว้เตือนสติให้คุณพ่อคุณแม่ข่มใจเวลาเจ้าตัวเล็กสำแดงฤทธิ์เดชออกมา หวังว่าคงพอจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ใจเย็นขึ้นได้บ้าง (นิดนึงก็ยังดี)

1. ทำความเข้าใจว่าลูกย่อมมีช่วงเวลาที่ไม่น่ารัก

เด็กบางคน ปกติก็ว่านอนสอนง่าย จนคุณพ่อคุณแม่เข้าใจไปเองและคาดหวังว่าลูกจะต้องเป็นเด็กเรียบร้อยน่ารัก เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่เสมอ แต่ความจริงแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมว่าเด็กทุกคน ย่อมมีช่วงเวลาไม่ปกติ จนเผลอทำพฤติกรรมที่ไม่น่ารักออกมา เช่น ง่วง หิว หรือมีความกังวลใจบางอย่าง

ดังนั้นแทนที่คุณพ่อคุณแม่จะคาดหวังให้ลูกเป็นเด็กหรือทำตัวน่ารักตลอดเวลา ลองเตรียมใจให้พร้อมว่าลูกย่อมมีช่วงเวลาที่เข้าใจยาก และทำตัวไม่น่ารักด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างได้ และสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้ก็คือการปลอบโยน และช่วยลูกแก้ปัญหาด้วยความเข้าใจนะคะ

2. พยายามมีสติอยู่เสมอ

บางครั้งพฤติกรรมที่คุณพ่อคุณแม่แสดงออกมาตอนโกรธหรือโมโหที่ลูกดื้อ ก็รุนแรงเกินความผิดของลูกไปมาก นั่นเป็นเพราะคุณพ่อคุณแม่ขาดสติ และตอบสนองลูกด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เช่น เมื่อลูกเถียง ทำให้คุณแม่โมโหและเผลอตวาดใส่ลูกเสียงดัง แต่เมื่ออารมณ์เย็นลงแล้ว กลับมาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น อาจพบว่าความจริง ลูกเพียงแค่กำลังอธิบายในมุมของตัวเองเท่านั้น

ในทางการแพทย์ยังบอกอีกว่าการแผดเสียงด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีใส่เด็กๆ บ่อยครั้ง จะมีผลต่อการทำงานของสมองส่วนอะมิกดะลา (Amygdala) ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ทำงานทางด้านอารมณ์ ทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เป็นที่มาของโรคเครียด ซึมเศร้า และอาจทำให้ลูกมีอาการตื่นตระหนกทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดังอีกด้วย

3. เข้าใจธรรมชาติของเด็ก

ก่อนจะตัดสินว่าลูกดื้อ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องโมโหและใช้อารมณ์หลายต่อหลายครั้ง อยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองทบทวนว่าพฤติกรรมบางอย่างที่ลูกแสดงออก อาจเกิดจากพัฒนาการตามช่วงวัยของลูกก็เป็นได้ เช่น ลูกวัยหนึ่งขวบชอบขว้างปาสิ่งของ นั่นเป็นเพราะช่วงวัยนี้กล้ามเนื้อมัดเล็กของลูกกำลังมีการพัฒนา ลูกเรียนรู้การใช้กล้ามเนื้อของตัวเองด้วยหยิบสิ่งของมาถือและขว้างออกไป เป็นเรื่องธรรมชาติ

สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำก็คือการศึกษาพัฒนาการตามช่วงวัยต่างๆ ของลูก แล้วฝึกหรือส่งเสริมให้ลูกเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม จะเป็นประโยชน์กับลูกอย่างที่สุดเลยค่ะ

4. พักผ่อนหรือหากิจกรรมทำเพื่อคลายเครียด

ชีวิตประจำวันคุณพ่อคุณแม่อาจมีเรื่องให้ต้องกังวลจนเกิดเป็นความเครียด พอมาเจอแสดงพฤติกรรมที่ไม่น่ารักออกมาเพียงเล็กน้อย ความอดทนก็ขาดผึง โอกาสที่คุณพ่อคุณแม่จะปรี๊ดแตกใส่ลูกก็เป็นไปได้ง่าย เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็จำเป็นที่จะต้องดูแลสุขภาพจิตใจและอารมณ์ของตัวเองไปด้วยเช่นกัน หากช่วงไหนมีเรื่องไม่สบายใจ ก็ควรหากิจกรรมที่ผ่อนคลาย ทำจิตใจให้พร้อมก่อนที่จะกลับมาเผชิญหน้ากับลูกน้อย เพราะเมื่อเรามีสุขภาพจิตที่ดี ก็จะสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นตามไปด้วย

อ้างอิง
zerotothree
hellokhunmor