เพราะความความใสซื่อบริสุทธิ์และไร้เดียงสาของเด็ก ทำให้อาจมีคนเข้ามาเอาเปรียบ รังแก ไปจนถึงทำร้ายร่างกายและจิตใจ จนกลายเป็นบาดแผลฝังใจลูกน้อย ยากที่จะลบเลือน
ถ้าเป็นไปได้ คุณพ่อคุณแม่ทุกคนคงไม่อยากปล่อยให้ลูกคลาดสายตา หรืออยู่ในที่ที่มีโอกาสเกิดอันตรายได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครสามารถปกป้องลูกได้ตลอดเวลา แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้ คือสอนให้ลูกรู้จักระมัดระวังอันตรายรอบตัว และรู้จักหาทางป้องกันตัวเอง เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายได้ ดังนี้
1. สอนให้สังเกตสิ่งรอบตัว

สอนให้ลูกรู้จักสังเกตสิ่งรอบตัว เช่น เส้นทางกลับบ้าน จุดสังเกตที่สำคัญ พื้นที่ที่ควรระมัดระวัง ความแตกต่างของเส้นทางต่างๆ ท่าทางผิดปกติของคนรอบตัว
การสอนให้ลูกสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวอยู่เสมอ จะช่วยทำให้ลูกรู้เท่าทันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเองได้
2. สอนให้ตะโกนขอความช่วยเหลือ

บอกลูกว่า เมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น เช่น มีคนแปลกหน้าจูงไปขึ้นรถ มีคนเอามือมาสัมผัสอวัยวะที่ไม่ต้องการให้สัมผัส ลูกต้องกล้าส่งเสียงร้อง หรือตะโกนดังๆ ขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่หรือคนในบริเวณนั้นๆ ได้
3. สอนไม่ให้อยู่ในที่ลับตาคนตามลำพัง

เหตุการณ์อันตรายมักเกิดขึ้นเมื่อลูกอยู่คนเดียวหรืออยู่ในที่ลับตาคน เมื่อลูกเลิกเรียนแล้ว ให้ลูกยืนรอหรือรวมกลุ่มอยู่ในที่ที่มีคนพลุกพล่าน หรือบริเวณที่มีคุณครูยืนอยู่ด้วยก็ได้
4. สอนให้รู้จักคำว่าอันตราย

เด็กไม่รู้จักคำว่าอันตราย หน้าที่ของพ่อแม่คือช่วยทำให้ลูกเห็นภาพว่าเหตุการณ์แบบไหน หรือสถานการณ์ไหนที่เรียกว่าอันตราย ด้วยการอธิบายให้ลูกฟังว่า ถ้าลูกเจอคนใส่หมวกโม่งสีดำแบบนี้ (เปิดรูปให้ลูกดู) หรือมีคนแปลกหน้ามาชวนหนูไปไหนสักที่ เหตุการณ์แบบนี้เรียกว่าอันตราย
5. สอนไม่ให้ไว้ใจคนแปลกหน้า

ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูกว่า คนแปลกหน้าหมายถึงคนที่ลูกไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน หรือเป็นคนที่พ่อแม่ไม่เคยพามาแนะนำให้ลูกจัก พ่อแม่ไม่เคยบอกว่าคนนี้ไว้ใจได้ ให้นับว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า
ถ้าคนแปลกหน้าเหล่านี้อ้างว่าพ่อแม่ให้มารับกลับบ้าน ชวนไปไหน หรือทำอะไรที่พ่อแม่ไม่รับรู้ ลูกต้องหลีกเลี่ยง หาทางปฏิเสธ หรือบอกผู้ใหญ่คนอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือทันที
NO COMMENT