โรคภูมิแพ้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย (Immune System) ถูกรบกวนและพยายามต่อสู้กับสิ่งกระตุ้นภายนอก ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น มีผดผื่นตามผิวหนัง มีน้ำมูก ไอ จาม ตาแดง อาเจียน ท้องเสีย หรือที่เราเรียกกันว่า ‘อาการแพ้’
งานวิจัยจาก National Institutes of Health’s National Library of Medicine (NIH) ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยว่า โรคภูมิแพ้ในเด็ก มีแนวโน้มสูงขึ้นในทุกๆ ปี โดยสูงขึ้นถึงร้อยละ 35 ตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพภูมิอากาศที่ย่ำแย่ลง ทำให้สิ่งแวดล้อม อาหารการกิน รวมถึงสิ่งของต่างๆ เต็มไปด้วยสารพิษ และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากพันธุกรรมและร่างกายของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน
สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิด โรคภูมิแพ้ในเด็ก
เด็กที่มีเป็นโรคภูมิแพ้มักมีแนวโน้มตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่ไม่ใช่สารก่อภูมิแพ้ เช่น ความร้อน ความเย็น ความชื้น รวมถึงมลภาวะในอากาศได้ไวกว่าปกติ และอาการของโรคภูมิแพ้ในแต่ละคน มักเกิดจากสิ่งกระตุ้นหรือสารก่อภูมิแพ้ที่แตกต่างกันไป ดังนั้น นอกจากการสังเกตอาการและเหตุปัจจัยที่ทำให้ลูกเกิดการแพ้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรหาซื้อยาแก้แพ้ให้ลูกกินก่อนที่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะอาจทำให้อาการโรคภูมิแพ้แย่ลงได้ หรือเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหอบหืดได้
และแม้สิ่งกระตุ้นหรือสารก่อภูมิแพ้จะมีมากมายหลายประเภท แต่มี 5 อันดับสิ่งกระตุ้น โรคภูมิแพ้ในเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ดังนี้
1. อาหารจำพวกนมและถั่ว
อาหารประเภทที่มีโปรตีนสูงมักก่อให้เกิดการแพ้ได้ง่ายโดยเฉพาะในเด็ก ที่ระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่เต็มประสิทธิภาพ หากลูกมีอาการแพ้นมวัวและถั่ว คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกนมข้าวโพดหรือนมข้าวให้ลูกดื่มแทนได้ แม้จะมีปริมาณโปรตีนไม่สูงเท่านมวัวและนมจากถั่ว แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมโปรตีนให้ลูกในรูปแบบอื่นๆ ได้ เช่น อะโวคาโด กล้วย
2. ฝุ่นและควันพิษ
สิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่นและควันพิษ เช่น ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ หรือบุหรี่ ล้วนแต่เป็นสิ่งกระตุ้นให้ลูกเกิดภูมิแพ้ได้ง่าย ยิ่งปัจจุบันมีฝุ่น PM2.5 ก็ยิ่งทวีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของลูกมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรดูแลบ้านให้สะอาด และให้ลูกสวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ เมื่อเขาต้องไปเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นหรือควันพิษหนาแน่น
3. ขนสัตว์
ความจริงแล้วอาการที่คนส่วนมากเรียกว่าแพ้ขนสัตว์นั้น เกิดจากการแพ้โปรตีนบางชนิดซึ่งพบมากในเซลล์ผิวหนังและน้ำลายของสัตว์ เช่น เมื่อสัตว์เลียขนตัวเอง และลูกไปสัมผัสน้ำลายนั้น หรือการมีละอองของโปรตีนลอยอยู่ในอากาศ ก็ทำให้ลูกสามารถเกิดอาการแพ้ได้
และถึงแม้จะไม่ได้มีสัตว์เลี้ยงในบ้าน แต่สัตว์จำพวกแมลงก็สามารถกระตุ้นอาการภูมิแพ้ได้เช่นกัน
4. เกสรดอกไม้
จากการศึกษาพบว่า ฤดูที่มีฝนตกหนักและสภาพอากาศมีความชื้นสูง เหล่าละอองเกสรดอกไม้จะปลดปล่อยสารก่อให้เกิดภูมิแพ้มากที่สุด จึงทำให้เด็กๆ ที่มีอาการแพ้เกสรดอกไม้ จะมีอาการกำเริบหนักเป็นช่วงๆ เช่น ตาแดง คันตา น้ำมูกไหล หากไม่ได้มีอาการรุนแรงถึงขั้นมีผื่นลมพิษ จมูกอักเสบ สามารถกินยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาอาการได้ แต่หากมีอาการรุนแรงควรพบแพทย์ทันที
5. น้ำหอม
หากคุณพ่อคุณแม่สังเกต ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กมักจะหลีกเลี่ยงการใส่น้ำหอม เนื่องจากเป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย ไม่เพียงแต่ในเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่ก็มีอาการแพ้น้ำหอมมากเช่นกัน คุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์อาบน้ำและดูแลผิวสูตร Fragrance-free ให้ลูก เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเกิดอาการแพ้ ขึ้นมาภายหลัง
COMMENTS ARE OFF THIS POST