คงไม่มีเวลาไหนที่คุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกสงบสุขเท่ากับเวลาที่ลูกน้อยนอนหลับปุ๋ยอย่างสบายใจ และก็เป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่แสนหวงแหน ไม่ต้องการให้มีเสียงดัง ไม่อยากให้มีอะไรมารบกวนการนอนของลูก
เพราะยิ่งลูกนอนหลับได้ดี หลับได้นาน ก็จะยิ่งดีต่อสุขภาพ การเติบโต และพัฒนาการของลูกได้ (และแปลว่าคุณพ่อคุณแม่จะมีเวลาส่วนตัวมากขึ้นไปด้วย)แต่บางครั้งสิ่งที่รบกวนการนอนของลูกก็ไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่ควบคุมได้ เพราะลูกน้อยอาจจะผวา ตกใจ และสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้าย
ฝันร้ายสามารถเกิดขึ้นได้ในเด็กทุกช่วงวัย แต่ลูกอาจจะเริ่มแสดงออกให้คุณพ่อคุณแม่เห็นชัดได้ในช่วงอายุ 3-6 ปี และยิ่งมากขึ้นเมื่ออายุ 10 ปี เป็นต้นไป
โดยทั่วไปร้อยละ 60 ของฝันร้ายเกิดได้จากความวิตกกังวลและความเครียด ความผิดปกติของการหายใจ ความไม่สบายตัวก่อนเข้านอน เช่น อิ่มเกินไป หรือการรับประทานอาหารย่อยยากก่อนเข้านอน
วันนี้เราจึงรวบรวมเทคนิคที่จะช่วยให้ลูกน้อยนอนฝันร้ายน้อยลงได้ มาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ
1. ให้ลูกนอนหลับพักผ่อนเพียงพอ

American Academy of Sleep Medicine ได้กล่าวว่า การจัดสรรเวลาให้เด็กได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นประจำทุกวันและสม่ำเสมอ มีส่วนช่วยให้ลูกนอนฝันร้ายน้อยลงได้
2. สร้างช่วงเวลาแห่งความสุขก่อนนอน

คุณพ่อคุณแม่ควรทำให้ช่วงเวลา 30-60 นาที ก่อนเข้านอนของลูก เป็นช่วงเวลาความสุข เช่น พูดคุยเรื่องดีๆ อ่านนิทานที่มีเนื้อเรื่องสนุกสดใส เลี่ยงการให้ลูกดูหรือรับเรื่องราวที่น่าหวาดกลัว เพราะอาจทำให้ลูกเก็บไปกังวลและฝันร้ายได้
3. ปลอบและอยู่ข้างๆ เมื่อลูกฝันร้าย

เมื่อลูกตกใจตื่น คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าไปกอดและปลอบลูกทันที เพื่อให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย จนสามารถนอนหลับต่อไปได้ในที่สุด
4. หาวิธีสร้างสรรค์เพื่อเอาชนะฝันร้ายด้วยกัน

เด็กบางคนอาจจะฝันร้ายติดต่อกันหลายคืน หรือฝันร้ายในเรื่องเดิมๆ หลายครั้ง ทำให้เกิดกังวลใจทุกครั้งเมื่อต้องเข้านอน คุณพ่อคุณแม่จึงควรใช้วิธีการสร้างสรรค์เพื่อเอาชนะฝันร้ายของลูกไปด้วยกัน เช่น เล่านิทานเกี่ยวกับฝันร้ายที่จบลงด้วยชัยชนะของเจ้าของความฝัน วาดรูปความฝันออกมาแล้วช่วยกันเอาไปทิ้งหรือทำลาย เป็นการแสดงสัญลักษณ์ที่ทำให้ลูกมั่นใจว่าเขาไม่ต้องกลัวการฝันร้ายอีกต่อไป
5. ฝึกให้ลูกรู้จักผ่อนคลายตัวเอง

การสอนให้ลูกรู้จักวิธีผ่อนคลายตัวเองให้รู้สึกสบายตัวก่อนเข้านอน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดการเกิดฝันร้ายได้ เช่น นอนในท่าที่สบาย ค่อยๆ หายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายที่สุดก่อนหลับไป และวิธีนี้ยังใช้ได้ในเวลาที่ลูกตกใจตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยนะคะ
COMMENTS ARE OFF THIS POST