การมีอยู่อย่างยาวนานของโรคโควิด-19 ทำให้เราอาจจะเริ่มได้ยินคนพูดถึงการเกิดเป็น เด็กยุคโควิด-19 มากขึ้น ซึ่งหมายรวมทั้งเด็กที่เกิดก่อนปลายปี 2019 ไปจนถึงเด็กที่เพิ่งเกิดในปีปัจจุบัน และน่าจะครอบคลุมต่อไปได้อีกระยะหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ไม่ว่าสถานการณ์โลกจะเป็นอย่างไร ครอบครัวและการเลี้ยงดูก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่จะวางรากฐานและหล่อหลอมเด็กคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะในยุคที่มีอุปสรรคมาขัดขวางการเรียนรู้ตามธรรมชาติของเด็กๆ มากมายเหลือเกิน คุณพ่อคุณแม่ยิ่งต้องใช้ความพยายามให้ลูกมีโอกาสได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะที่สำคัญต่อการเติบโตและการใช้ชีวิตต่อไปอนาคต
1. สอนลูกให้เอาตัวรอดจากอันตราย
ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะพยายามดูแลและปกป้องลูกมากแค่ไหน แต่เด็กก็ควรได้เรียนรู้ทักษะการระมัดระวังตัว และเอาตัวเองรอดจากภัยอันตรายเอาไว้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัว ทางเข้า ทางออก ภายในบ้าน และสถานที่ต่างๆ หัดสังเกตและจดจำลักษณะท่าทางของคนแปลกหน้า สอนให้ลูกรู้ว่าเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน นอกจากคุณพ่อคุณแม่ลูกจะสามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราสามารถสอนลูกได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้นก่อน แต่อาจใช้วิธีพูดคุย จำลองสถานการณ์ให้ลูกคิดตาม เพื่อให้ลูกสามารถนำวิธีที่เคยเรียนรู้มาปรับใช้ได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง
2. สอนลูกให้ดูแลสุขอนามัย
เด็กที่เกิดและเติบโตขึ้นภายในช่วงเวลาที่โลกกำลังรับมือกับโรคระบาดโควิด-19 ยิ่งจำเป็นต้องได้รับการปลูกฝังเรื่องการดูแลสุขภาพและสุขลักษณะในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก เช่น การล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการใช้จุดสัมผัสหรือสิ่งของส่วนตัวร่วมกับคนอื่น การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รวมถึงป้องกันตัวเองไม่ให้มีโอกาสแพร่เชื้อโรคให้คนอื่น
ทั้งหมดนี้เป็นทักษะที่คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกเข้าใจและสร้างความคุ้นเคยตั้งแต่ในบ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะออกไปเติบโตและเรียนรู้โลกภายนอกได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
3. สอนให้ลูกรู้จักการเข้าสังคม
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การมีอยู่ของโรคโควิด-19 อาจทำให้เด็กหลายคนต้องพลาดโอกาสการเติบโตและออกไปเรียนรู้นอกบ้าน โอกาสการได้พบปะและเข้าสังคมกับเพื่อนในวัยเดียวกันก็ถูกลดทอนลงด้วยการเรียนออนไลน์และมาตรการ social distancing
ดังนั้น ทักษะการเข้าสังคมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามปลูกฝังและสร้างพื้นฐานตั้งแต่ในบ้าน เช่น สอนเรื่องการเคารพกติกา มารยาทในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และต้องไม่ลืมหาโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้จากสังคมภายนอกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
4. สอนให้รู้จักจัดการเวลา
ผู้ใหญ่อย่างเราอาจจะถูกความเร่งรีบของสังคมสอนให้เห็นความสำคัญของการจัดการเวลามาตั้งไม่รู้กี่ครั้งในชีวิต แต่เด็กๆ คำว่าบริหารจัดการเวลาอาจเป็นเรื่องยากเกินกว่าที่จะเข้าใจเองได้
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้คุ้นเคยกับการมีตารางเวลาของสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน อาจจะไม่ต้องเข้มงวดถึงขนาดต้องระบุเวลาที่แน่นอน แต่ก็ควรมีกรอบเวลาและลำดับของกิจวัตรประจำวันที่ชัดเจน เช่น ลูกควรตื่นก่อนแปดโมงเช้า แล้วอาบน้ำแต่งตัว ก่อนกินอาหารเช้าด้วยกัน หรือลูกควรทำการบ้านให้เสร็จภายในห้าโมงเย็น เพื่อที่จะมีเวลาออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านต่ออีกหนึ่งชั่วโมง
การบอกกรอบเวลาและจัดลำดับของกิจวัตรประจำวันให้ลูกอย่างชัดเจน จะช่วยฝึกให้ลูกรู้จักจัดการเวลาของตัวเอง รู้ว่าอะไรควรทำตอนไหน และใช้เวลาเท่าไร เพื่อไม่ให้กระทบเวลาของการทำอย่างอื่นต่อไป เมื่อลูกเติบโตและมีหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้น ความสามารถในจัดการเวลาก็จะเป็นทักษะที่สำคัญกับลูกมากขึ้นตามไปด้วยค่ะ
5. สอนให้รู้จักบริหารจัดการเงิน
คุณพ่อคุณแม่อาจคิดว่าลูกยังเด็กเกินไปที่จะสอนให้เข้าใจเกี่ยวกับการใช้และเก็บออมเงิน แต่ความจริงแล้ว การบริหารจัดการเงิน เป็นหนึ่งในทักษะชีวิตที่เด็กๆ สามารถเรียนรู้และสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตจริงได้รวดเร็วกว่าที่คุณพ่อคุณแม่คิด
เพราะชีวิตประจำวันลูกมักมีโอกาสได้เห็นคุณพ่อคุณแม่จับจ่ายซื้อของ การใช้เงินของคุณพ่อคุณแม่จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ในสายตาของลูกเสมอ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจใช้โอกาสนี้สอนให้ลูกเข้าใจถึงที่มาของเงิน เหตุผลที่เราควรใช้เงินอย่างรู้คุณค่า การออมเงินมีความสำคัญอย่างไร เพราะถ้าลูกได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากคุณพ่อคุณแม่แล้ว เมื่อถึงเวลาก็จะสามารถจัดการกับเงินของตัวเองได้ดีขึ้นด้วย
COMMENTS ARE OFF THIS POST