ลูกจะเติบโตขึ้นมามีนิสัยใจคออย่างไร การเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่นี่แหละที่มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางการเติบโตของลูกน้อย

1. พ่อแม่ต้องไม่ยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง

คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรคิดว่าวิธีเลี้ยงลูกหรือสัญชาตญาณของตัวเองถูกต้องเสมอ หรือถูกต้องที่สุด เพราะบางครั้งความคิดเห็นของอีกฝ่าย แม้จะไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่ก็อาจส่งผลดีต่อลูกไม่แพ้กัน ดังนั้นการรับฟังความคิดเห็นหรือเหตุผลของกันและกัน ก่อนที่จะนำมาปรับใช้หรือสื่อสารกับลูกเป็นเรื่องสำคัญ

นอกจากนั้น คุณพ่อและคุณแม่ไม่ควรทำให้ลูกรู้สึกว่าใครคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิดเสมอ แต่ควรแสดงให้ลูกเห็นถึงการเคารพ รับฟังซึ่งกันและกัน และให้คุณค่าในความหวังดีที่ทั้งพ่อและแม่มีต่อลูกน้อยเช่นกัน

2. หมั่นปรึกษาและพูดคุยกันด้วยเหตุผล

การเลี้ยงลูกไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง คุณพ่อหรือคุณแม่จึงไม่ควรยึดอำนาจในการตัดสินใจเรื่องเกี่ยวกับลูกเพียงคนเดียว แต่ควรปรึกษา พูดคุย และสร้างความเข้าใจที่ตรงกันในการเลี้ยงลูกเสมอ

3. ยอมเป็นฝ่ายถอยหรือผ่อนปรนบ้าง

บางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจจะไม่ได้เห็นด้วยในความคิดของอีกฝ่ายเต็มร้อย แต่หากมันไม่ใช่เรื่องที่อาจส่งผลเสียรุนแรงกับลูก การยอมเป็นฝ่ายถอยหรือผ่อนปรนให้กัน เช่น ลองให้คุณพ่อใช้วิธีของเขาในการสอนลูกบ้าง ก็ช่วยให้สถานการณ์การเลี้ยงดูลูกไม่ตึงเครียดมากเกินไป

และบางทีอาจจะพบว่าการเปลี่ยนวิธี หรือลองให้อีกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูกในแบบของตัวเองบ้าง อาจได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อลูกมากกว่าที่คิดก็เป็นได้

4. หาแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือมาอ้างอิง

ถ้าคุณพ่อคุณแม่ต่างก็เป็นพ่อแม่มือใหม่ที่ขาดประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกทั้งคู่ ก็ย่อมกังวลเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงลูกเป็นเรื่องธรรมดา และการหาข้อตกลงร่วมกันก็ไม่ได้ผล เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือมาใช้อ้างอิง

ดังนั้นแทนที่จะเถียงกันเอง คุณพ่อคุณแม่อาจจะลองหาแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น คุณหมอเด็ก เพื่อสอบถามและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกันได้

5. ระลึกเสมอว่าลูกสำคัญที่สุด

เมื่อลูกโตพอจะตัดสินใจบางเรื่องด้วยตัวเองได้ คุณพ่อคุณแม่ควรให้สิทธิ์ลูกในการได้ตัดสินใจบ้าง เพราะไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะถกเถียงกันเรื่องของลูกมากแค่ไหน ก็ต้องไม่ลืมว่าสุดท้ายคนที่ควรจะมีส่วนในการตัดสินใจเรื่องตัวเองก็คือตัวของเขาเองนี่แหละ

อ้างอิง
happymom
bloggang
sanook