READING

จากความรักของแม่สู่ ‘โรงเรียนอนุบาลจันทร์เจ้า’...

จากความรักของแม่สู่ ‘โรงเรียนอนุบาลจันทร์เจ้า’

ในเช้าวันทำงาน บนถนนย่านสาทร ถ้าถามหาความสงบสุขและเนิบช้า ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องแข่งขัน อาจจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่วันนี้ พวกเราเดินทางมาที่โรงเรียนอนุบาลจันทร์เจ้า โรงเรียนเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยนางลิ้นจี่ 6 ท่ามกลางความจอแจจากในเมือง เพียงหลบเข้ามาภายในพื้นที่โรงเรียนที่ร่มรื่นด้วยร่มเงาของต้นไม้เขียวขจี ก็ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนทั้งทางกายและทางใจให้เราได้ไม่น้อย

เมื่อเราไปถึง คุณเอ๋—ณัฐนิช สุวรรณยืน ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลจันทร์เจ้า และ ครูติ๋ม—พรสวรรค์ ช้างขวัญยืน รองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลจันทร์เจ้า ก็ได้ออกมาต้อนรับและพาพวกเราเข้าไปเดินชมโรงเรียนเล็กๆ ที่ทำให้เราลืมความรีบร้อนและวุ่นวายทั้งหมดที่เพิ่งผ่านมา แล้วเดินตามคุณครูทั้งสองเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียนด้วยความเย็นใจได้โดยไม่ต้องพยายาม

“ด้วยความที่คุณแม่อยากให้โรงเรียนเป็นเหมือนบ้าน ก็เลยออกแบบโรงเรียนเองทั้งหมด ไม่ว่าจะตัวอาคาร ห้องเรียน บันได หรือเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ก็ต้องเหมาะและปลอดภัย ให้เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของเด็กๆ”

โรงเรียนจากความรักของแม่

“เมื่อก่อนคุณแม่เป็นอาจารย์อยู่ที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พอท้องก็เริ่มคิดที่จะหาโรงเรียนให้ลูก แต่สมัยก่อนโรงเรียนส่วนใหญ่ค่อนข้างจะเน้นไปทางวิชาการและท่องจำเป็นหลัก แต่คุณแม่อยากให้ลูกได้เรียนสนุก เรียนอะไรที่เหมาะกับเด็ก ก็เลยไปเรียนด้านปฐมวัยและด้านบริหารการศึกษาเพิ่ม เพื่อนำความรู้มาเลี้ยงลูกและเพื่อทำโรงเรียนนี้ไปด้วย”

คุณเอ๋เล่าถึงความเป็นมาของโรงเรียนที่มีตัวเองในฐานะลูกเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้น ก่อนที่จะมารับหน้าที่เป็นผู้บริหารโรงเรียนต่อมาจากคุณแม่—อาจารย์เอื้ออำไพ สุวรรณยืน (ผู้ก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลจันทร์เจ้า)”

“ด้วยความที่คุณแม่อยากให้โรงเรียนเป็นเหมือนบ้าน ก็เลยออกแบบโรงเรียนเองทั้งหมด ไม่ว่าจะตัวอาคาร ห้องเรียน บันได หรือเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ก็ต้องเหมาะและปลอดภัย ให้เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของเด็กๆ”

มองภาพรวม เราพบว่าที่นี่ไม่ได้เน้นการใช้สีสันฉูดฉาดสะดุดตา แต่กลับตกแต่งด้วยโทนสีขาวและน้ำตาลเป็นหลัก เพราะความที่ต้องการให้โรงเรียนมีบรรยากาศเหมือนบ้าน การใช้สีฉูดฉาดอาจรบกวนสมาธิของเด็กๆ มากเกินไป แต่เมื่อเดินเข้าไปภายในห้องเรียน ก็จะมีการตกแต่งและแต้มเติมด้วยสีสันเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็กๆ

วิถีพุทธ ผสมผสานกับ Brain base-Learning

โรงเรียนอนุบาลจันทร์เจ้าเป็นโรงเรียนที่นำหลัก Buddhist Brain–based Learning มาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอน คือการนำวิถีพุทธ เข้ามาผสมผสานกับแนวคิด Brain based Learning ซึ่งคำนึงถึงความสามารถของสมอง เข้าใจในธรรมชาติของสมอง ทั้งแง่การคิดวิเคราะห์ จินตนาการ และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

“เรามองว่าคนหนึ่งคนมีทั้งภายในและภายนอก คือมีทั้งกายและจิต อย่างแรก คือการเรียนรู้ส่วนใหญ่มาจากสมองนั้นคือ Brain based Learning ส่วนด้านจิตเราก็มาคิดว่าจะทำยังไงให้มันชัดเจนยิ่งขึ้น ก็เอากระบวนการวิถีพุทธเข้ามารวมกัน”

ดังนั้นแนวทางวิถีพุทธของโรงเรียนอนุบาลจันทร์เจ้า จึงมีกิจกรรมที่มีเหตุผลและเป็นรูปธรรม เพื่อให้เด็กๆ อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

ภายใต้ Buddhist Brain–based Learning (B-BL) ก็ยังมีแนวทางอื่นๆ เช่น Montessori, Thurstone และ Balance Literacy Approach เข้ามาผสมผสาน เพื่อเตรียมความพร้อมด้านภาษา ความคิดสร้างสรรค์ การเป็นเหตุเป็นผล รวมไปถึงทักษะด้านศิลปะให้แก่เด็กอีกด้วย

กิจกรรมวิธีพุทธที่เป็นรูปธรรม และเด็กๆ จับต้องได้

คุณครูติ๋มพาพวกเราไปดูเด็กๆ ชั้นเตรียมอนุบาล กำลังทำ ‘กิจกรรมน้ำลอยดอกไม้’ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านจิตใจให้เด็กสงบและมีสมาธิก่อนเริ่มเรียน วิธีการก็คือ คุณครูจะเตรียมพานเล็กๆ ใส่น้ำ และนำดอกบัวมาลอยน้ำเอาไว้ ส่วนเด็กๆ ก็จะนั่งล้อมเป็นวงกลม แล้วส่งพานต่อให้กันเรื่อยๆ โดยไม่ให้น้ำหก เมื่อส่งให้เพื่อนเสร็จ ก็จะไหว้รับขอบคุณซึ่งกันและกัน แม้จะดูทุลักทุเลตามวัยไปบ้าง แต่เด็กๆ ก็ดูมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะประคับประคองพานในมือของตัวเองให้ส่งต่อไปถึงมือเพื่อนๆ ได้อย่างปลอดภัย

นอกจากกิจกรรมน้ำลอยดอกไม้แล้ว โรงเรียนยังมีการเปิดโครงการโรงเรียนคุณธรรม มารยาทดี มีวินัย จิตใจงาม เพื่อสอนศีลธรรมให้แก่เด็กๆ โดยมีศีล 5 เป็นพื้นฐาน เพราะเป็นศีลที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนเราโดยตรง แต่ไม่ใช่การสอนให้เด็กๆ ท่องจำ แต่เป็นการนำศีล 5 มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบุคลิกและลักษณะนิสัยของเด็กๆ อย่างเช่น ศีลข้อที่ 1 ห้ามฆ่าสัตว์ โดยปกติแล้วเด็กๆ ไม่อยากฆ่าสัตว์อยู่แล้ว เพียงแต่คุณครูจะนำมาประยุกต์สอนให้เขาไม่รังแกคนอื่น ไม่ว่าจะเพื่อน หรือใครก็ตาม

นอกจากเรื่องศีล 5 ก็ยังมีการสอนเรื่องเบญจศีล เบญจธรรม คือการทำให้เด็กๆ เข้าใจว่าเรื่องไหนควรทำหรือไม่ควรทำ โดยสอดแทรกการเรียนการสอนผ่านนิทานคุณธรรมที่ทางโรงเรียนสร้างสรรค์ขึ้นมาจากการเก็บข้อมูลและสังเกตพฤติกรรมของเด็กๆ ก่อนที่จะนำมาดัดแปลงเป็นสื่อหรือนิทานเพื่อนำกลับมาสอดแทรกการสอนให้เด็กๆ เรียนรู้ด้านภาษาและทักษะการใช้ชีวิตต่อไป

“เราสังเกตว่าเวลาเล่านิทาน เด็กๆ จะจำได้ดีและปฏิบัติตามมากกว่า ถ้าเราเอาแต่สอน เอาแต่ว่า เขาจะไม่เข้าใจและรู้สึกไม่ดีด้วย แต่ถ้าเราพูดในเชิงบวก สร้างปฏิสัมพันธ์เชิงบวก จะทำให้เรื่องที่เราสอนติดตรึงในหัวใจ”คุณครูติ๋มเล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน บางคนฟังแล้วเห็นภาพ บางคนเห็นภาพก่อนถึงจะเข้าใจ บางคนก็ต้องลงมือปฏิบัติ ทำให้สื่อและกิจกรรมทั้งหมดต้องออกแบบมาให้หลากหลาย ไม่ว่าจะนิทาน เกม ละคร หรือการเล่นบทบาทสมมติ พอเด็กๆ สนุก เขาก็จะเข้าใจมากขึ้น และจดจำได้ดีขึ้น”  

Janjao Active-Learning Program

นอกจากจะนำหลักวิถีพุทธเข้ามาใช้แล้ว โรงเรียนอนุบาลจันทร์เจ้ายังมีหลักสูตรJanjao Active-Learning Program หรือหลักสูตร JAP ที่โรงเรียนเป็นผู้พัฒนาขึ้น ด้วยการนำหลักการเรียนรู้แบบพหุปัญญา 9 ด้าน ได้แก่ ภาษา จำนวน เหตุผล การเคลื่อนไหวร่างกาย เสียง-จังหวะ-ดนตรี มิติสัมพันธ์ การเข้าใจตนเอง การเข้าใจธรรมชาติ และเข้าใจสัจธรรม โดยเน้นให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากการลงมือทำจริง จนเกิดความเข้าใจในสิ่งที่ทำได้อย่างถ่องแท้

“เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน บางคนฟังแล้วเห็นภาพ บางคนเห็นภาพก่อนถึงจะเข้าใจ บางคนก็ต้องลงมือปฏิบัติ ทำให้สื่อและกิจกรรมทั้งหมดต้องออกแบบมาให้หลากหลาย ไม่ว่าจะนิทาน เกม ละคร หรือการเล่นบทบาทสมมติ พอเด็กๆ สนุก เขาก็จะเข้าใจมากขึ้น และจดจำได้ดีขึ้น”

วันที่เราเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียน เป็นวันที่เด็กๆ ชั้นอนุบาล 3 จะได้ทำกิจกรรมเล่นบทบาทสมมติ โจทย์ในวันนี้คือการเล่นบทบาทสมมติในหัวข้อ ‘ตลาดนัดหน้าวัง’ ซึ่งเด็กๆ ก็ได้แต่งตัวใส่ชุดไทยจัดเต็ม สวมบทบาทสมมติและสร้างสถานการณ์จำลองราวกับว่ากำลังขายของอยู่ในตลาดกันจริงๆ ผู้ใหญ่อย่างเราเห็นแล้วยังรู้สึกสนุกไปด้วย ก็คงไม่ต้องอธิบายว่าเด็กๆ จะเรียนรู้จากกิจกรรมนี้ได้สนุกสนานแค่ไหน

สื่อการเรียนการสอนที่คุณครูตั้งใจทำเองเพื่อเด็กๆ โดยเฉพาะ

อีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่น จนเราเห็นได้ชัดก็คือสื่อการเรียนการสอนที่ถูกออกแบบและประดิษฐ์ด้วยมือ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นฟีเจอร์บอร์ดขนาดใหญ่ หนังสือนิทาน ตั้งแต่เล่มใหญ่โตไปจนถึงหนังสือเล่มเล็กจิ๋ว ทั้งหมดถูกวาดและระบายสีด้วยมืออย่างพิถีพิถันและใส่ใจ “ทำเอง แต่งเอง วาดเอง” คุณครูติ๋มเล่าให้ฟังพร้อมเสียงหัวเราะ

“เราเป็นผู้สอน เรามองออกว่าเราควรจะสื่อสารอะไร ก็ลงมือทำเองเลย”

แม้ว่าหนังสือแบบเรียนสำหรับเด็กจะมีมากมาย แต่คุณครูผู้ใกล้ชิดและคลุกคลีกับเด็กๆ ย่อมมองเห็นและเข้าใจเด็กๆ ที่ดูแลอยู่ได้ดี จึงตัดสินใจทำสื่อการเรียนการสอนที่เป็นแบบเฉพาะของโรงเรียน เพื่อให้เด็กๆ ของโรงเรียนมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้นด้วยรูปแบบการสอนที่ถูกคิดและสร้างสรรค์เพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ

Janjaokindergarten (โรงเรียนอนุบาลจันทร์เจ้า)
รับนักเรียนตั้งแต่:  เตรียมอนุบาล-อนุบาล 3
รับนักเรียนตั้งแต่อายุ: 1.8 – 6 ขวบ
ค่าธรรมเนียมการศึกษา: 45,000 บาท ต่อเทอม
ที่อยู่: 152/12 ซอย นางลิ้นจี่ 6 แขวง ทุ่งมหาเมฆ เขต สาทร กรุงเทพมหานคร 10120
เบอร์โทร: 02-286-8355
website: janjao
facebook: JanJaoKG

Anittha R

หลงรักธรรมชาติของความเป็นเด็ก ชอบดูหนัง ชอบหนังสือนิทาน รักการเลี้ยงต้นไม้ และใฝ่ฝันอยากทำสวนกระบองเพรชที่มีดอกเยอะๆ

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST