คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ย่อมเห็นความสำคัญของการส่งเสริมให้ลูกมีความสามารถทางภาษามากกว่าหนึ่งภาษาขึ้นไป และหากไม่นับภาษาไทยแล้ว พ่อแม่ส่วนมากย่อม อยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ เพื่อเพิ่มโอกาสการเรียนรู้และใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันได้
ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยให้ความเห็นตรงกันว่า ยิ่งเด็กเริ่มเรียนภาษาที่สองได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งได้ผลดีมากเท่านั้น นักวิจัยบางคนกล่าวว่า ทักษะในการเรียนภาษาที่สองของเด็กจะสูงสุดที่ช่วงอายุก่อน 6 หรือ 7 ปี
การศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดยืนยันว่า การที่เด็กได้เรียนรู้ภาษาที่สองตั้งแต่อายุยังน้อย หรือช่วงสามปีแรกของชีวิต ซึ่งเป็นช่วงวัยที่สำคัญต่อการเรียนรู้ จะช่วยให้มีความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดเพิ่มขึ้น
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ที่ อยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ จึงควรเริ่มใช้ภาษาอังกฤษกับลูกตั้งแต่ที่บ้าน โดยเริ่มจากวิธีง่ายๆ ดังนี้
1. สร้างชั้นเรียนภาษาอังกฤษให้เป็นกิจวัตรประจำวัน
เพื่อให้ลูกคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ คุณพ่อคุณแม่สามารถทำให้การใช้ภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน ที่ใช้เวลาสั้นๆ เช่น ชวนลูกอ่านนิทานภาษาอังกฤษ ครั้งละ 10-15 นาที เพื่อทำความรู้จักคำศัพท์ใหม่ๆ หรือเล่นเกมภาษาอังกฤษทุกวันหลังเลิกเรียน เหมือนเป็นการสร้างห้องเรียนภาษาอังกฤษเล็กๆ เพียงครั้งละไม่กี่นาที แต่สามารถทำได้หลายครั้งต่อวัน
และเมื่อลูกโตขึ้น จึงค่อยขยายเวลาในแต่ละช่วงให้นานขึ้น นอกจากจะสร้างความเคยชินกับภาษาอังกฤษแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างสมาธิในการเรียนของลูกได้ดีอีกด้วย
2. พูดคุยภาษาอังกฤษสอดแทรกในชีวิตประจำวัน
การพาลูกมานั่งที่โต๊ะ แล้วบอกให้จับดินสอขีดเขียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจังอาจไม่ทำให้ทักษะทางภาษาอังกฤษของลูกดีขึ้น เพราะสิ่งสำคัญคือการให้ลูกได้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารจริงๆ มากกว่า
คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านเรื่องใกล้ตัว เช่น ระหว่างเดินซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต ก็สามารถพูดคุยหรือถามคำศัพท์เกี่ยวกับสิ่งที่พบเห็นเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเรียนรู้คำศัพท์พร้อมกับการจดจำสถานการณ์ในชีวิตประจำวันไปด้วย จะทำให้ลูกคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษและคำศัพท์ใกล้ตัวได้ดีขึ้น
3. พาลูกเล่นสนุกไปกับภาษาอังกฤษ
หัวใจสำคัญของการเรียนรู้คือการทำให้ลูกรู้สึกสนุก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรทำให้ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก เช่น อ่านนิทานเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนแปลให้ลูกฟังทีละประโยค ชวนลูกเล่นเกมทายคำศัพท์จากบัตรคำหรือรูปภาพ หรือแม้แต่การร้องเพลงภาษาอังกฤษ ก็ช่วยให้ลูกจดจำคำศัพท์และประโยคในเพลงได้ดีขึ้น
4. ขยันพูดซ้ำหมั่นทบทวน
นอกจากชั้นเรียนเล็กๆ ที่ต้องเกิดขึ้นทุกวันแล้ว คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องหมั่นพูดคำศัพท์หรือประโยคเดิมซ้ำๆ แม้ว่าจะเคยสอนลูกไปแล้วก็ตาม แต่การพูดให้ลูกได้ยินซ้ำ จะทำให้ลูกคุ้นเคยและจดจำการออกเสียงคำหรือการใช้ประโยคของคุณพ่อคุณแม่ และนำมาพูดตามได้อย่างเป็นธรรมชาติ
5. เสริมสร้างกำลังใจและไม่กดดันลูกด้วยคำว่า ‘ถูก’ หรือ ‘ผิด’
หัวใจสำคัญของการสอนภาษาอังกฤษให้ลูกคือกำลังใจ ยิ่งไปกว่านั้นคือการค่อยเป็นค่อยไปและไม่กดดันลูก บางครั้งลูกอาจจะออกเสียงผิดหรือเรียบเรียงประโยคเพี้ยนไปบ้าง แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรพูดกับลูกว่า ลูกออกเสียงผิด หรือคอยดุว่าลูกพูดผิดหลักไวยากรณ์ แต่ควรปล่อยให้เขาพูดไปตามสัญชาตญาณและความเข้าใจของตัวเองก่อน
เพราะสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำคือการสอนและฝึกการพูดที่ถูกต้องให้ลูกแบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นอย่ากดดันลูกว่าต้องพูดถูกต้องเป๊ะเสมอไป เพราะจะทำให้ลูกเสียความมั่นใจในการเรียนรู้ แต่ช่วยกันทำให้ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุกสนานสำหรับลูกกันดีกว่าค่ะ
COMMENTS ARE OFF THIS POST