“คุณแม่คะ หนูอยากได้ตุ๊กตาหมีตัวนี้”
“ที่บ้านเรามีแบบนี้แล้วนะ กลับไปเล่นที่บ้านกันดีกว่านะคะ”
“ไม่เอา! หนูจะเอาตัวนี้! … แม่นิสัยไม่ดี!”
เหตุการณ์ทำนองนี้ น่าจะเคยเกิดขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่หลายครอบครัว
การเลี้ยงลูกนอกจากจะมีรอยยิ้ม ความสุข เสียงหัวเราะแล้ว ก็ยังมีความน่าหงุดหงิดใจ โมโห และเสียใจปนอยู่ จนบางครั้งคุณพ่อคุณแม่เองก็เครียดจนเผลอระเบิดอารมณ์ใส่ลูกกลับไปบ้าง
แต่การโมโห หงุดหงิด และใช้อารมณ์กับลูก แม้ต้นเหตุจะมาจากลูกตัวแสบก็เถอะ ไม่เคยได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแท้จริง เพราะการตอบโต้ลูกด้วยอารมณ์จะจะทำให้ลูกรู้สึกแย่ ไม่ไว้วางใจคุณพ่อคุณแม่ และเลียนแบบพฤติกรรมและการใช้อารมณ์ของพ่อแม่ การควบคุมอารมณ์ของคุณพ่อคุณแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก M.O.M จึงได้นำวิธีการจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง มาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองทำกันดูค่ะ
1. ตามอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองให้ทัน
ไม่มีอะไรผิดหรือถูกในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึก ทุกคนสามารถโกรธได้ เสียใจได้ แต่จะดีกว่าหากคุณพ่อคุณแม่รู้ทันอารมณ์ของตัวเอง และสามารถปรับเปลี่ยนมันได้ก่อนที่จะทำอะไรรุนแรงกับลูก
หากคุณพ่อคุณแม่เริ่มรู้สึกโมโหที่ลูกมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พยายามตั้งสติตามให้ทันอารมณ์ของเรา และหากยังไม่พร้อมก็สามารถเดินหนีไปหลบอยู่กับตัวเองสักพักก่อน เมื่อรู้สึกว่าใจเย็นลงแล้วแล้วก็ค่อยมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกับลูกใหม่
2. ไม่คาดหวังในตัวลูกมากจนเกินไป
บางครั้งความคาดหวังก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ปรี๊ดแตกได้ง่าย เพราะลูกทำให้ผิดหวัง เช่น คิดว่าวันนี้ลูกจะไม่ร้องไห้ตอนไปโรงเรียน แต่พอไปถึงโรงเรียน ลูกกลับร้องไห้หนักกว่าวันอื่นๆ เมื่อลูกไม่เป็นไปตามที่คาดหวังก็ย่อมนำมาซึ่งความไม่สบายใจ และทำให้หงุดหงิดได้ง่าย
ดังนั้นแล้วการคาดหวังในตัวลูกอย่างพอดี นอกจากจะไม่กดดันตัวลูกแล้ว ยังไม่กดดันให้พ่อแม่เครียดมากเกินไปอีกด้วย
3. อย่ากังวลเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตคนเราในปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยความเร่งรีบ จะต้องไปทำงาน จะต้องส่งลูกไปโรงเรียน จะต้องทำอาหารเช้า จะต้องกลับบ้านมาทำงานบ้าน ชีวิตประจำวันที่ยุ่งวุ่นวายจึงมีผลทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามคิดวางแผนการทุกอย่างล่วงหน้า ต้องคิดว่าจะทำอะไรในวันพรุ่งนี้ บางครั้งการพยายามวางแผนทุกอย่างล่วงหน้ามากเกินไป จะทำให้คุณพ่อคุณแม่เครียด และมีอารมณ์ฉุนเฉียวได้ง่าย
การวางแผนล่วงหน้าเป็นเรื่องดี แต่ต้องมีความยืดหยุ่นและพร้อมจะปรับเปลี่ยน เพราะสิ่งสำคัญคือการใช้เวลาในปัจจุบันอย่างดีที่สุด
4. พูดคุยกับตัวเองบ้าง
อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ คุณพ่อคุณแม่สามารถพูดคุยกับตัวเอง ถามและตอบในสิ่งที่คิดกับตัวเองได้ ซึ่งวิธีการนี้นอกจากจะทำให้ใจเย็นขึ้นได้แล้ว ยังเป็นการให้ตัวเราเองทบทวนหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น
โดยอาจจะคุยถามความรู้สึกของตัวเองว่าทำไมถึงโกรธ เพราะอะไร รู้สึกอย่างไร และควรทำอะไรต่อ การได้มีเวลาอยู่กับตัวเองจะทำให้การตัดสินใจเต็มไปด้วยเหตุผลไม่ใช้อารมณ์เพียงอย่างเดียว ลองทำกันดูนะคะ
5. นึกภาพความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกเอาไว้
ถ้าคุณพ่อคุณแม่กำลังโมโหเป็นฝืนเป็นไฟอยู่ละก็ ลองนึกภาพช่วงเวลาดีๆ และความสัมพันธ์ดีๆ ของคุณกับลูก วิธีนี้ก็พอจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ตั้งสติและควบคุมอารมณ์ไม่ให้เผลอเกรี้ยวกราดใส่ลูกได้
COMMENTS ARE OFF THIS POST