อากาศร้อนขึ้นทุกวัน แค่ออกจากบ้านก็ต้องปะทะกับฝุ่น PM2.5 อย่างเลี่ยงไม่ได้ เหล่าคุณพ่อคุณแม่ล้วนรู้ดีกว่า มลภาวะเหล่านี้ ล้วนเกิดจากการมนุษย์ที่ไม่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมเท่าที่ควร
การปลูกฝังจิตสำนึก และ สอนลูกให้รักสิ่งแวดล้อม จึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มฝึกให้ลูกเรียนรู้พฤติกรรมที่ดีกับโลกเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะผลกระทบของการมีสภาพแวดล้อมเป็นพิษ นอกจากจะอันตรายต่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการและการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ ทำให้เสียโอกาสที่จะได้ออกไปทำกิจกรรมหรือเล่นสนุกกลางแจ้ง หรือแม้แต่การออกไปท่องเที่ยวใกล้ชิดธรรมชาติ
หนึ่งในเทรนด์การเลี้ยงลูกปัจจุบัน นอกจากคุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกเรื่องทักษะที่จำเป็นต่อการเติบโตในอนาคตแล้ว การ สอนลูกให้รักสิ่งแวดล้อม หรือฝึกนิสัยการเป็นนักอนุรักษ์ตัวน้อย ก็เป็นหนึ่งในหน้าที่รับผิดชอบที่ลูกควรเรียนรู้ เพื่อดูแลและรักษาโลกของพวกเราต่อไป
1. นิสัยที่ดี เริ่มต้นได้ที่บ้าน

จุดเริ่มต้นที่ใกล้ตัวและทำให้ลูกซึมซับนิสัยการเป็นนักอนุรักษ์ได้ดีที่สุด คือการที่คุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังความรักสิ่งแวดล้อมให้ลูกตั้งแต่บ้านจนเป็นนิสัย เช่น สอนให้ลูกลดการใช้พลังงานด้วยการปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้ ไม่เปิดน้ำประปาทิ้งไว้ สอนให้ลูกรู้จักแยกขยะประเภทต่างๆ ก่อนทิ้งลงถังขยะ และรู้จักใช้สิ่งของภายในบ้านอย่างคุ้มค่า
2. ชวนลูกอ่านหนังสือ หรือดูสื่อเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

พาลูกท่องโลกกว้าง ทำความรู้จักกับสภาพแวดล้อมที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ด้วยหนังสือภาพหรือหนังสารคดีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ลูกมองเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ว่านอกจากมนุษย์แล้ว สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกล้วนต้องการสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ แต่หากมนุษย์ทำร้ายและทำลายธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะส่งผลสะท้อนกลับมาถึงตัวเองในที่สุด
3. พาลูกออกไปเที่ยว

เมื่อลูกรู้สึกตื่นเต้นจากการเห็นภาพสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามแล้ว การพาลูกไปเที่ยวสวนสัตว์ สวนพฤกษศาสตร์ ชมพิพิธภัณฑ์สิ่งแวดล้อม สวนสาธารณะ หรือที่ใดก็ตามที่ให้ลูกสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ก็จะช่วยให้ลูกรู้สึกรักและหวงแหนสภาพแวดล้อมที่ดี จนไม่อยากมีส่วนร่วมในการทำลาย แต่กระตุ้นความเป็นอนุรักษณ์ในตัวให้ฉายแววออกมาได้ง่ายขึ้น
4. สังเกตและจดบันทึกธรรมชาติรอบตัว

ในวันที่ได้พาลูกออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน ลองชวนให้ลูกทำความรู้จักใบไม้ ดอกไม้ ต้นไม้ และชวนลูกพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งรอบตัว เช่น เล่นเกมทายชื่อต้นไม้ ทายชื่อนกจากเสียงร้อง ตามหาที่อยู่ของแมลงตัวจิ๋ว ฯลฯ กิจกรรมที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนโลก จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ว่า โลกไม่ได้เป็นของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่เกิดและเติบโตอยู่บนโลกเช่นเดียวกัน
5. ให้ลูกได้ทดลองและใกล้ชิดธรรมชาติ

บทเรียนไหนก็ไม่เท่ากับการได้ลงมือทำ นอกจากการดู การฟังและการสังเกตแล้ว ให้ลูกได้ลองเป็นนักสืบธรรมชาติหรือรับบทเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยการพาลูกใช้แว่นขยาย กล้องส่องทางไกล หรือพาใช้อุปกรณ์ปลูกต้นไม้ทำสวน อย่างพลั่ว บัวรดน้ำ หรือกระถางต้นไม้ เพื่อให้ลูกสัมผัสกับธรรมชาติด้วยความสนุกและตื่นเต้น โดยไม่กังวลเรื่องความปกสรกหรือเหงื่อที่เกิดระหว่างเล่นสนุก และการลงมือทำด้วยตัวเอง จะทำให้ลูกจดจำความคุ้นเคยกับธรรมชาตินี้ติดตัวจนเป็นนิสัยไปจนโต ทำให้เรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับลูกในอนาคตอย่างแน่นอน
COMMENTS ARE OFF THIS POST