เด็กในวัย 3-5 ขวบ ถือเป็นวัยแห่งการเป็นเจ้าหนูจำไม คือเด็กที่ช่างซัก ช่างถาม และเต็มไปด้วยความสงสัย จนอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามเจื้อยแจ้วให้คุณพ่อคุณแม่กุมขมับ เพราะบางคำถามของลูกนั้น มันอธิบายกันได้ยากเหลือเกิน
ลองมาดูตัวอย่างคำถามของหนูน้อยช่างสงสัย ที่อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ไปไม่เป็นและวิธีตอบคำถามเหล่านั้นกันดูค่ะ
1. “หนูเกิดมาได้ยังไง”

คำถามที่ลูกเล็กสงสัยเพราะยังไม่รู้จักการทำงานของระบบสืบพันธ์ุของสิ่งมีชีวิต ยิ่งถ้าเป็นครอบครัวที่กำลังจะมีน้องให้เจ้าหนูจำไมด้วยแล้ว รับรองว่าต้องเจอคำถามทำนองที่ว่า “น้องเข้าไปอยู่ในท้องแม่ได้ยังไง” เป็นแน่
คำตอบของคุณพ่อคุณแม่ ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจง่ายๆ ไม่โกหก แต่ก็ไม่ซับซ้อนเกินไป ยกตัวอย่างเช่น พ่อกับแม่รักกันมาก พ่อยกส่วนหนึ่งในร่างกายให้กับแม่ เมื่อสิ่งนั้นมารวมกับร่างกายของแม่ จึงเกิดเป็นหนูหรือน้องเข้ามาอยู่ในท้องแม่ พอลูกโตขึ้นเรื่อยๆ ท้องของแม่คับแคบเกินไป ลูกและน้องก็เลยต้องออกมาเติบโตอยู่ข้างนอกอย่างทุกวันนี้
2. “ทำไมข้างล่างของหนูกับน้องไม่เหมือนกัน”

หรือ “ทำไมผู้ชายกับผู้หญิงถึงเข้าห้องน้ำเดียวกันไม่ได้” คำถามยอดฮิตของเด็กๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องหาทางอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าเพศหญิงและชายมีอวัยวะที่รูปร่างและการใช้งานแตกต่างกัน
คำตอบของคุณพ่อคุณแม่ ไม่ควรตอบลูกด้วยท่าทางเขินอาย แต่ให้ตอบด้วยท่าทางธรรมดาพร้อมอธิบายว่า เด็กผู้ชายมีอวัยวะเพศชายเเละลูกอัณฑะ เด็กผู้หญิงมีช่องคลอดเเละมดลูก เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ผู้ชายและผู้หญิงที่แต่งงานและต้องการมีลูกด้วยกัน จะใช้ความเเตกต่างนี้ช่วยกันทำให้เกิดทารก
นอกจากนี้ควรเสริมด้วยว่าอวัยวะเพศเป็นอวัยวะส่วนตัว ที่อย่าให้ใครมาสัมผัสได้ ยกเว้นตัวลูกเอง หรือพ่อแม่อาจจำเป็นต้องสัมผัสในวัยที่ยังต้องอาบน้ำให้ หรือเวลาที่หมอตรวจร่างกาย ก็ต้องมีพ่อแม่อยู่ด้วย หรือเมื่อลูกอนุญาตเท่านั้น
3. “ทำไมนอนดึกไม่ได้”

เมื่อถึงเวลาที่ลูกควรนอน แต่ลูกยังอยากให้คุณพ่อคุณแม่เล่านิทานให้ฟัง เปิดการ์ตูนให้ดู หรือกำลังเล่นสนุก พอบอกให้ลูกไปนอน ลูกกลับถามว่า “ทำไมนอนดึกไม่ได้”
คำตอบของคุณพ่อคุณแม่ ลองใช้วิธีการตอบคำถามด้วยคำถาม ทำให้ลูกได้คิดวิเคราะห์ด้วยตัวเอง เช่น เมื่อลูกถามว่า “ทำไมหนูถึงนอนดึกไม่ได้” คุณแม่ลองตอบกลับด้วยคำถามว่า “นั่นสิ หนูลองคิดสิคะดู ว่าทำไมหนูถึงนอนดึกไม่ได้ละคะ” เป็นการชี้นำให้ลูกพยายามหาเหตุผลด้วยตัวเอง เช่น “เพราะพรุ่งนี้หนูต้องตื่นไปโรงเรียนแต่เช้าค่ะ”
4. “รักหนูหรือพี่, หรือน้องมากกว่ากัน”

คุณพ่อคุณแม่ทุกคนรักลูก แต่เมื่อถูกถามว่ารักลูกทุกคนเท่ากันไหม ถึงแม้จะมีคำตอบอยู่ในใจ แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องระมัดระวังคำพูด และเลิกพฤติกรรมที่ชอบเปรียบเทียบลูกกับลูกอีกคน
คำตอบของคุณพ่อคุณแม่ อธิบายให้ลูกเข้าใจว่า พ่อกับแม่รักลูกเท่ากัน เเต่มีเรื่องที่ห่วงต่างกันไปออกไป และห้ามเเสดงออกมาให้ลูกรู้สึกความเเตกต่าง รู้สึกได้ถึงการลำเอียง รักเเละเอ็นดูลูกคนไหนเป็นพิเศษ
5. “ทำไมคนเราต้องตาย แล้วหนูจะตายไหม”

ความจริงของโลกที่เราไม่สามารถหนีพ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ หรือเเม้เเต่ต้นไม้ คำถามนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถสอดแทรกความรู้ และการระมัดระวังตัวให้ลูกได้ด้วย
คำตอบของคุณพ่อคุณแม่ อธิบายให้ลูกเข้าใจเรื่องการเกิด แก่ เจ็บ ตาย และเสริมความรู้เรื่องอายุและโรคภัย สอนให้ลูกกินผัก ผลไม้ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และใช้ชีวิตไม่ประมาท จะได้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ
COMMENTS ARE OFF THIS POST