เพราะเด็กแต่ละคน เติบโตมากับนิสัยและการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน  ทำให้เด็กทุกคนมีบุคลิกภาพ นิสัยใจคอ พฤติกรรม และการแสดงออกที่ไม่เหมือนกัน เช่น เด็กบางคนกล้าแสดงออก ชอบเข้าสังคม ในขณะที่เด็กบางคนไม่ชอบแสดงออก ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ขี้อาย ไม่ชอบเข้าสังคม และสถานการณ์ที่ทำให้ตัวเองเป็นที่สนใจของคนอื่น

1. ไม่ต่อว่าเมื่อลูกอายและไม่กล้าแสดงออก

เมื่อลูกต้องเผชิญกับสถานการณ์หรือผู้คนที่ไม่คุ้นชิน อาจทำให้ลูกรู้สึกประหม่า ทำตัวไม่ถูก ไม่กล้าพูด หลบตา และไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับคุณพ่อคุณแม่ ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจในพฤติกรรมของลูก

แต่ถึงอย่างนั้น คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่จำเป็นต้องตำหนิ ต่อว่า หรือบีบบังคับให้ลูกต้องฝืนใจเกินไปนัก เพราะในเวลาที่ลูกรู้สึกกลัว กังวล และว้าวุ่นใจอยู่นั้น การตำหนิต่อว่าจากคุณพ่อคุณแม่ จะยิ่งสร้างบาดแผลในใจ และยิ่งสร้างความไม่มั่นใจ รวมถึงการไม่อยากเข้าสังคมมากขึ้นไปอีก

เพราะฉะนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรให้เวลาลูกปรับตัวสักนิด พาลูกไปพบปะผู้คนและเข้าสังคมบ่อยๆ เพื่อให้ลูกค่อยๆ สร้างความคุ้นเคยและปรับตัวเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าคนอื่นได้ดียิ่งขึ้น

2. ปล่อยลูกให้ทำในสิ่งที่ชอบ

บางครั้งความอายและไม่กล้าแสดงออกของลูก อาจมาจากต้องพูดหรือทำสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบและไม่ถนัด ทำให้ลูกรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะทำออกมาได้ดี

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรพยายามส่งเสริมให้ลูกได้เลือกทำสิ่งที่เองชอบ หรือเปิดโอกาสให้ลูกฝึกหรือเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เพื่อให้ลูกรู้สึกมั่นใจในสถานการณ์นั้นๆ มากขึ้น

3. ฝึกให้รู้จักลูกช่วยเหลือตนเอง

การฝึกให้ลูกดูแลและช่วยเหลือตัวเองได้ นอกจากจะเป็นการฝึกฝนให้ลูกมีระเบียบวินัยแล้ว ยังช่วยสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจและส่งเสริมความมั่นใจในตัวเองให้กับลูกได้อีกด้วย

4. ไม่เปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่น และชื่นชมลูกเสมอ

พฤติกรรมขี้อาย ประหม่า และไม่กล้าแสดงออก อาจเกิดจากการที่ลูกกังวลและกลัวว่าจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่พอใจ หรือทำได้ไม่ดีอย่างที่คุณพ่อคุณแม่คาดหวัง

ดังนั้น วิธีที่จะช่วยลดความประหม่าและไม่กล้าแสดงออกของลูกก็คือ คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นชื่นชมและให้กำลังใจลูก ไม่กดดันลูกด้วยการเปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่น เพราะจะยิ่งทำให้ลูกขาดความภาคภูมิใจในตัวเอง มี self esteem ต่ำ ซึ่งเป็นที่มาของนิสัยและบุคลิกภาพขี้อายต่อไปนั่นเอง

5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าพฤติกรรมขี้อายของลูก เริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น กลัวการเข้าสังคม มีอาการตื่นกลัวเมื่อต้องพบเจอคนแปลกหน้า หรือไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมและการแสดงออกของตัวเองให้เป็นไปตามสมควรได้ นั่นเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าคุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มพาลูกไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุและแก้ไขอย่างถูกวิธีต่อไป

นอกจากนี้ อาการขี้อายผิดปกติอาจนำไปสู่อาการอื่นร่วมด้วย เช่น ออทิสติก (Autism), แอสเพอร์เกอร์ ซินโดรม (Asperger ‘s Syndrome) มีความบกพร่องในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม, หรือ โรคกลัวสังคม (Social Phobia) ดังนั้น การค้นหาสาเหตุและแก้ไขอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ลูกกลับมาเป็นเด็กที่มีความมั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นได้ในอนาคต

อ้างอิง
pobpad
paolohospital
si.mahidol