เวลาคุณพ่อคุณแม่เห็นลูกน้อยถอดใจง่ายๆ เช่น เมื่อแกะถุงขนมไม่ได้ ก็ไม่พยายามด้วยตัวเองอีก หรือเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ยอมแพ้และเรียกหาความช่วยเหลือ คงจะเป็นเวลาเดียวกับที่คุณพ่อคุณแม่ นึกอยากมีวิธีที่จะ สอนลูกให้อดทน และรู้จักพยายามทำอะไรมากขึ้น
งานวิจัยของ Angela Duckworth คุณแม่ลูกสองและนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ผู้เขียนหนังสือ Grit: The Power of Passion and Perseverance ระบุว่า ความอดทนอย่างเต็มที่ หรือความอุตสาหะ และความหลงใหลในเป้าหมายระยะยาว จะเป็นตัวบ่งชี้รายได้และความสุขในอนาคตได้ดีกว่าไอคิวหรือพรสวรรค์ของเด็กเสียอีก
Paul Tough ผู้เขียน How Children Succeed เห็นด้วยว่าการสอนลูกให้อดทน เพียรพยายาม และอุตสาหะ ร่วมกับการสอนให้ลูกรู้จักควบคุมตนเอง มองโลกในแง่ดี และมีความฉลาดทางสังคม สำคัญมากกว่าการส่งเสริมลูกให้มีแต่ IQ เพียงอย่างเดียว
และนี่คือเหตุผลที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำให้ลูกเข้าใจว่าความยากลำบากและความล้มเหลว มีความสำคัญต่อพัฒนาการและมีคุณค่าต่อชีวิตลูกมากแค่ไหน
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรที่จะปลูกฝังให้ลูกรู้จักความพยายาม อดทน และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ด้วยเทคนิคการเลี้ยงดูดังนี้
1. ให้ลูกได้เล่นอย่างกล้าหาญ

#เล่นอย่างเต็มที่ คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมความอดทนให้กับลูกได้ตั้งแต่ลูกเข้าสู่วัยอนุบาล ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดคือ ปล่อยให้ลูกได้เล่นอย่างเต็มที่ วิ่งเล่นจนหัวเปียก แก้มแดงระเรื่อ และมองหากิจกรรมใหม่ๆ ที่สร้างความสนุกและท้าทายให้กับลูก เปิดโอกาสให้ลูกได้เจอเพื่อนใหม่ เรียนรู้สถานการณ์ใหม่ๆ เพื่อให้ลูกได้เจอปัญหาและอุปสรรคที่จะต้องใช้ทักษะและความอดทนในการแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยตัวเอง
#ลองอย่างเต็มความสามารถ Angela Duckworth แนะนำว่า การให้ลูกได้ลองทำกิจกรรมยากๆ หรือโน้มน้าวให้ลูกกล้าทำกิจกรรมที่ลูกไม่กล้าทำ ก็เพื่อพิสูจน์ให้ลูกเห็นว่า สิ่งที่ลูกไม่กล้า ไม่ได้หมายความว่าลูกจะทำไม่ได้ และลูกจะทำได้ หากลูกได้ลองทำอย่างเต็มที่ และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แม้ว่าจะทำไม่สำเร็จในทันทีก็ตาม
หรือแม้ว่าสุดท้าย ลูกจะทำไม่ได้จริงๆ แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ลูกได้ประสบการณ์จากการเรียนรู้และพยายามด้วยตัวเอง
2. เรียนรู้คำว่า ‘ยาก’ ผ่านกิจกรรมที่สนุกแต่ก็สุดเข้ม

#กฎที่ยาก เพื่อความเข้มข้น ดักส์เวิร์ธแนะนำวิธี Hard Thing Rule หรือการใช้ ‘กฎที่ยาก’ ที่เธอใช้กับครอบครัว โดยระบุให้สมาชิกทุกคนในครอบครัว ต้องทำงานหรือกิจกรรมที่ยากในช่วงเวลาที่กำหนด โดยแต่ละคนสามารถเลือกสิ่งที่อยากทำได้ แต่ควรเป็นทั้งเรื่องที่น่าสนใจ และเป็นเรื่องที่ต้องใช้การฝึกฝนอย่างจริงจัง และที่สำคัญ ทุกคนจะต้องพยายามทำสิ่งนั้นต่อเนื่องตามช่วงเวลาที่ตั้งใจไว้แต่แรก ห้ามล้มเลิกกลางทางเด็ดขาด เช่น ตั้งใจว่าจะฝึกว่ายน้ำทุกสัปดาห์ติดต่อกันสามเดือน หรือหัดเล่นเปียโนวันละ 1 ชั่วโมง จนครบ 30 วัน ผลพวงที่ได้จากทำเช่นนี้ก็คือ การฝึกวินัยในระยะยาว
และเธอยังบอกว่า นี่เป็นแนวคิดการสอนลูกให้รู้ว่า กระบวนการเรียนรู้ไม่ได้สนุกเสมอไป และไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ หากไม่รู้จักอดทนและพยายาม แต่ถ้าทำได้จนจบ และพัฒนาเป็นสิ่งชอบหรือหลงรักได้ การดิ้นรนที่ผ่านมา ก็จะคุ้มค่า และลูกก็จะได้รางวัลคือความสำเร็จที่มาจากความพยายามของตัวเอง
3. เล่าสู่กันฟัง

ประสบการณ์ของคุณพ่อคุณแม่คือ บทเรียนอันทรงพลังที่ดีที่สุดของลูก เรื่องราวความผิดหวัง ล้มเหลว การยอมแพ้ ที่เกิดจากความไม่อดทนและไม่พยายาม รวมถึงความสำเร็จที่คุณพ่อคุณแม่ได้มาจากความอดทนและพยายามของตัวเอง คือเรื่องราวที่สามารถใช้เป็นแบบอย่างและสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
4. ปล่อยให้ลูกเจอกับความผิดหวัง

ถึงแม้คุณพ่อคุณแม่จะอยากฝึกให้ลูกมีความอดทนและเพียรพยายามมากแค่ไหน แต่หากบางครั้งที่ลูกไม่สามารถทำตามความตั้งใจของตัวเอง หรือล้มเหลวในการทำอะไรสักอย่าง จนลูกรู้สึกอยากยอมแพ้และถอดใจ ก็ขอให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจว่านั่นเป็นหนึ่งในวิธีที่ลูกจะได้เรียนรู้ความยืดหยุ่นในชีวิตและอดทนต่อความผิดหวัง
แต่ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่จะต้องอยู่เคียงข้างและอธิบายให้ลูกเข้าใจว่า ความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติ และทุกคนจะสามารถผ่านความผิดหวังนั้นไปได้ แม้ลูกอาจจะยังไม่เข้าใจได้ในทันที แต่ลูกก็จะค่อยๆ ซึมซับ และสามารถนำความคิดนั้นกลับมาใช้ในวันที่เจอเรื่องยากๆ ได้อีกครั้ง
Paul Tough เคยเขียนบทความเรื่อง ‘เคล็ดลับสู่ความสำเร็จคือความล้มเหลว’ ที่ได้รับการเผยแพร่ใน New York Times เอาไว้ว่า สิ่งที่จำเป็นต่อลูกมากกว่าอื่นใด ก็คือ ความยากลำบากเล็กน้อย ความท้าทาย และการกีดกันบางอย่างให้ลูกรู้จักพยายามเอาชนะ เพื่อให้ลูกได้พิสูจน์ตัวเองว่า เขาจะสามารถทำสิ่งนั้นได้ หากมีความอดทนที่จะพยายามจนถึงที่สุดนั่นเอง
COMMENTS ARE OFF THIS POST