‘ความรัก’ มีอิทธิพลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูก คุณพ่อคุณแม่ทุกคนย่อมรักและต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก แต่การมอบความรักที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป อาจส่งผลให้ลูกมีพฤติกรรมที่ไม่น่ารัก
แล้วความรักแบบไหนที่อาจจะเป็นการทำร้ายลูกน้อยโดยไม่รู้ตัว ลองตรวจสอบกันดูสิว่า ความรักของคุณเข้าข่ายความรักที่ส่งผลเสียกับลูกหรือไม่
1. ความรักแบบรักมากและปกป้องมากเกินไป
ทำทุกอย่างให้ลูก เพราะกลัวว่าลูกจะลำบาก กลัวลูกอด กลัวลูกเจ็บ เมื่อลูกมีปัญหามักจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทันที แทบจะไม่ปล่อยให้ลูกเผชิญหน้ากับปัญหาหรือความยากลำบาก สังเกตได้จากตอนที่ลูกยังเล็กคุณแม่จะคอยอุ้มตลอดเวลา และเมื่อโตขึ้นจะคอยตามประกบทุกฝีก้าว ลูกหกล้มเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณพ่อคุณแม่
เมื่อลูกโตขึ้น หากเป็นลูกชายมักจะมีนิสัยขี้อาย ขี้ขลาด ไม่มีความเป็นผู้นำ หากเป็นลูกสาวมักจะมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ชอบให้คนมาเอาอกเอาใจ และไม่มีความมั่นคงในอารมณ์
ความรักที่ดี ควรฝึกให้ลูกทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง ลูกอาจจะทำผิดพลาดไปบ้าง สะดุดล้มบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเรียนรู้ เพราะถ้าไม่ปล่อยให้ลูกทำอะไรด้วยตัวเอง ลูกก็จะไม่มีวันเติบโตได้เลย
2. ความรักแบบต้องการทดแทนสิ่งที่ขาดหาย
คุณพ่อคุณแม่ใช้ความรักเป็นเครื่องต่อรองให้ลูกทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพื่อทดแทนบางสิ่งบางอย่างที่ตัวเองขาดในวัยเด็ก อะไรที่ไม่เคยมี ก็อยากให้ลูกได้มี อะไรที่ไม่เคยทำ ก็อยากให้ลูกได้ทำ ใช้ลูกเป็นโอกาสแก้ไขปมด้อยหรือความฝังใจของตัวเอง
ความรักที่ดี เด็กแต่ละคนมีความสามารถ มีความชอบในแบบของตัวเอง ไม่ควรเปลี่ยนตัวตนของลูก แต่ควรสนับสนุน ส่งเสริม และให้กำลังใจในสิ่งที่ลูกเลือก
3. ความรักแบบขีดเส้นให้ลูกเดิน
คุณพ่อคุณแม่ขีดเส้นทางชีวิตให้กับลูก และมักเชื่อว่าสิ่งที่เลือกเป็นสิ่งที่ดีที่สุด โดยไม่ได้ดูความถนัดหรือความชอบของลูก มีกฏเกณฑ์กติกาและตารางชีวิตให้ลูกอย่างเคร่งครัด ยกตัวอย่างเช่น อยากให้ลูกเป็นนักร้อง จึงพยายามส่งเสริมให้ลูกเรียนร้องเพลงอย่างหนัก จนลูกสูญเสียธรรมชาติของตัวเองไป กลายเป็นเด็กที่ไม่รู้เป้าหมายในชีวิตของตัวเอง และเลือกเรียนในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เลือกให้
ความรักที่ดี คุณพ่อคุณแม่และลูกควรสื่อสารกัน ให้ลูกกำหนดเป้าหมายชีวิตของตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ควรยอมรับ เข้าใจ และคอยให้คำชี้แนะ
นอกจากนี้ความเชื่อมั่นเชื่อใจที่พ่อแม่มีให้ลูกสำคัญมาก ลูกจะพยายามรักษา และทำตัวน่ารักเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่วางใจ
4. ความรักแบบเห็นผิดเป็นชอบ
ไม่ว่าลูกจะมีปัญหาอะไรกับใคร คุณพ่อคุณแม่พร้อมที่จะปกป้อง และคิดอยู่เสมอว่า ‘ลูกฉันไม่ผิด’ แม้ว่าลูกทำผิดก็มักเลือกที่จะโทษคนอื่นมากกว่าเมื่อลูกโตขึ้นจะเป็นเด็กก้าวร้าว หลงตัวเอง และรู้สึกว่าตนเองดีกว่าคนอื่นเสมอ เป็นคนชอบดูถูกคนอื่น ไม่ยอมรับว่าคนสร้างปัญหา เป็นนักเลง และนำไปสู่การไม่นับถือตนเอง
ความรักที่ดี ควรเลี้ยงลูกด้วยทางสายกลางมอบทั้งความรักและความหวังดี ถูกผิดว่าไปตามเนื้อผ้า เมื่อลูกทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คอยตักเตือน และชี้ทางที่ถูกต้องเพื่อให้ลูกปรับปรุงตัว อย่ากลัวลูกเสียใจ อย่ากลัวลูกไม่รัก
5. ความรักแบบรักนะแต่ไม่แสดงออก
ไม่แสดงความรัก คำชื่นชม หรือให้กำลังใจลูก เพราะกลัวว่าลูกจะเหลิง ส่งผลให้ลูกเป็นคนใจคอคับแคบ ยกย่องชมเชยใครไม่เป็น เมื่อเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ มักจะอิจฉาริษยา และคิดว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่รัก จึงออกไปหาความรักนอกบ้าน เสี่ยงต่อการเจอคนไม่ดี
ความรักที่ดี คุณพ่อคุณแม่ควรแสดงความชื่นชมลูก ให้กำลังใจลูก อย่ากลัวว่าลูกจะเหลิง ถ้าลูกทำเป็นพฤติกรรมที่น่ารัก คำชมจะเป็นกำลังใจให้ลูกทำสิ่งนั้นต่อไป
6. ความรักแบบที่ต้องใช้เงินซื้อ
คุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลาเลี้ยงลูก จึงใช้เงินเพื่อทดแทนความรัก ส่งผลให้ลูกไม่รู้จักคุณค่าของเงิน คิดว่าเงินหามาได้ง่ายๆ และเป็นเด็กขาดความรัก ความอบอุ่น ไม่พร้อมที่จะแบ่งปันความรัก และความอบอุ่นให้คนรอบข้าง
ความรักที่ดี สิ่งที่มีค่าและอยู่ในความทรงจำของลูกตลอดชีวิตคือ การได้ใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัว เช่น เล่นกีฬาด้วยกัน เดินทางท่องเที่ยวด้วยกัน ให้ลูกวางแผนการทำกิจกรรมสนุกๆ ตลอดทั้งวัน เป็นการส่งเสริมให้ลูกมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ด้วย
COMMENTS ARE OFF THIS POST