อาการ ‘พูดติดอ่าง’ เป็นความผิดปกติเกี่ยวกับจังหวะในการพูด ทำให้พูดติดๆ ขัดๆ พูดซ้ำตะกุกตะกัก และพูดไม่ต่อเนื่อง เด็กหลายคนมีอาการเหล่านี้ จนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดความกังวลใจว่าลูกจะมีพฤติกรรมพูดติดอ่างติดตัวไปจนเกิดปัญหาในการดำรงชีวิตหรือไม่

1. คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจลูก

อาการพูดติดอ่างเป็นพัฒนาการอย่างหนึ่งของเด็กช่วงวัย 2-6 ปี เพราะเป็นช่วงเวลาที่ลูกกำลังหัดพูด การพัฒนาการภาษาจึงเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ดีเหมือนการสื่อสารระหว่างผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นอย่าแสดงท่าทีรำคาญ หรือพยายามเร่งรัดให้ลูกพูดคล่องได้อย่างใจ เพราะจะยิ่งเป็นสาเหตุให้เด็กไม่กล้าพูด และอาจจะกลายเป็นคนที่พูดติดอ่างถาวรได้

2. ให้ความสนใจกับสิ่งที่ลูกกำลังพูด

คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสนใจและตั้งใจฟังเมื่อลูกพูดมากกว่าจ้องจับผิด หรือต่อว่าที่ลูกพูดตะกุกตะกัดและไม่ควรแสดงท่าทีผิดปกติเมื่อลูกพูดไม่คล่อง แต่ควรรับฟังลูกด้วยท่าทีที่อ่อนโยน ใจเย็น และเข้าใจ เพราะท่าทีที่ผ่อนคลายแต่ใส่ใจและตั้งใจฟังของคุณพ่อคุณแม่ จะทำให้ลูกมีความมั่นใจในการพูดมากขึ้น และพูดชัดถ้อยชัดคำได้มากขึ้นเช่นกัน

3. หาคำศัพท์ใหม่ให้ลูกฝึก

บางครั้งการพูดไม่คล่อง หรือพูดตะกุกตะกักของลูกเกิดจากการที่ลูกไม่สามารถคิดคำพูดที่ต้องการจะสื่อสารได้ ทำให้เสียจังหวะการพูดไปกับการคิดหาคำศัพท์ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยหาคำศัพท์ใหม่ๆ ให้ลูกคุ้นเคยและฝึกพูด ไม่ว่าจะใช้วิธีเล่านิทาน พูดคุย อ่านหนังสือ หรือสอนด้วยรูปภาพ ก็ช่วยทำให้ลูกรู้จักคำศัพท์มากขึ้น และสามารถนึกคำที่จะใช้สื่อสารกับคนอื่นได้ดีขึ้นอีกด้วย

4. ชวนลูกพูดคุยบ่อยๆ

ถ้าลูกมีพฤติกรรมพูดติดอ่าง คุณพ่อคุณแม่ยิ่งต้องชวนลูกคุยหรือเปิดโอกาสให้ลูกได้พูดหรืออธิบายสิ่งที่ต้องการสื่อสารมากขึ้น แต่ไม่ควรทำให้ลูกรู้สึกลนลาน หรือเร่งรัดให้ลูกพูด เพราะยิ่งลูกตื่นเต้น อาการพูดติดอ่างก็ยิ่งแสดงตัวออกมา

ลองให้ลูกได้ทำตัวสบายๆ ค่อยๆ พูด ไม่ต้องเร่งรีบ และช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกด้วยการเป็นนักฟังที่ดี เพื่อให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่รอฟังเขาพูดได้เสมอ

5. สังเกตคำที่ลูกพูดติดอ่างบ่อยๆ

ลองสังเกตคำที่ลูกพูดติดอ่างบ่อยๆ เพราะเป็นไปได้ว่าลูกมีปัญหากับการออกเสียงคำนั้นๆ แล้วค่อยหาโอกาสที่จะช่วยลูกด้วยการพูดคำนั้นให้ชัดมากยิ่งขึ้น

อ้างอิง
women.mthai
parentsone