READING

Little Treehouse Nursery ธรรมชาติ ต้นไม้ และกลิ่นอ...

Little Treehouse Nursery ธรรมชาติ ต้นไม้ และกลิ่นอายของบ้าน

การเรียนรู้เป็นสิ่งที่ยากจะบอกจุดเริ่มต้นและคนเราสามารถเรียนรู้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยเฉพาะเด็กๆ วัยที่พร้อมจะเรียนรู้และเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา

ดังนั้นบทบาทหน้าที่ของผู้ใหญ่ พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง คือการเปิดโอกาสและสร้างสภาพแวดล้อมรอบตัวเด็กให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้อยู่เสมอ

การเลือกโรงเรียนหรือเนอร์เซอรีสำหรับดูแลเด็กเล็กจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดเตรียมเพื่อช่วยผลักดันให้ลูกเกิดการเรียนรู้จากสภาพแวดล้อม เรียนรู้การเข้าสังคม และเตรียมความพร้อมสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพมากขึ้น

Little treehouse Nursery เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของครอบครัวย่านทองหล่อ ที่ต้องการสถานที่สำหรับ นอกจากจะเป็นแหล่งมีเนอร์เซอรีที่มองไกลๆ คิดว่าเป็นบ้านพักอาศัพที่ผ่านการคิดและออกแบบมาอย่างดี ที่บอกเลยแค่ก้าวเข้าไปก็รู้สึกถึงความน่ารัก อบอุ่นและเป็นกันเองอย่างมาก

บ้านหลังเล็กใต้ต้นไม้

สนามหญ้าสีเขียวชะอุ่มกับบ้านไม้สีน้ำตาลหลังเล็กกะทัดรัด แต่ก็น่ารักและโดดเด่นด้วยสไลเดอร์สีเหลืองสดและทางลาดชันที่ทำหน้าที่เหมือนเนินจำลองให้เด็กๆ ได้ปีนป่าย บ้านไม้เล็กๆ หลังนี้ นอกจากจะทำหน้าที่เป็นของเล่นให้เด็กๆ เล่น ออกกำลัง และเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสนุกสนานแล้ว หากลองเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็จะได้พบกับการออกแบบที่เต็มไปด้วยความใส่ใจในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และการเลือกใช้หญ้าจริงปูรอบบริเวณเพื่อให้เด็กๆ ได้ย่างเหยียบบนพื้นหญ้า ได้ กลิ่นสูดไอของดิน ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ในเมืองกรุงได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

และยังเพิ่มความน่ารักด้วยการปลูกต้นไม้จริง ไว้เติมความร่มรื่นที่กลางบ้าน น่ารักมากๆ เลยล่ะค่ะ

พอหันกลับมามองที่ฝั่งอาคาร หรือจะเรียกว่าตัวบ้านก็คงไม่ผิดนัก เพราะการออกแบบที่เลือกสร้างและตกแต่งอาคารด้วยโทนสีขาว-น้ำตาล ทำให้มีบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง เหมือนได้อยู่ในบ้าน ที่ไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็กเห็นแล้วก็อยากจะเดินเข้าไปสำรวจบ้านหลังนี้เร็วๆ

เมื่อเราเข้ามาด้านในจะเจอกับส่วนต้อนรับสำหรับผู้ปกครองที่เข้ามาติดต่อและรับส่งเด็กๆ มีระบบรักษาความปลอดภัยและติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้อย่างทั่วถึง

พอเดินตรงเข้ามาอีกนิดก็เจอกับโซนเพนทรี ซึ่งวันที่พวกเราไปนั้น ก็มีการจัดเตรียมเมนูอาหารกลางวันสำหรับเด็กๆ  มาให้เราลองชิมกันด้วยค่ะ เมนูในวันนี้ประกอบไปด้วย focaccia bread, beetroot miniburger, มันฝรั่งทอด ซุปผัก และซูชิสาหร่าย ต้องบอกเลยว่าต่อให้เด็กๆ ไม่ชอบกินผัก ก็ต้องไม่ปฏิเสธอาหารมื้อนี้ เพราะทั้งหน้าตาน่ากินและรสชาติอร่อย กินง่าย ขนาดผู้ใหญ่อย่างเรา ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่าอาหารที่เห็นตรงหน้ามื้อนี้เป็นอาหารแนววีแกน หรือไม่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์เลยนั่นเอง (แต่ถึงอย่างนั้น ทางเนอร์เซอรีก็มีการเตรียมนมและเมนูไข่เอาไว้ให้เด็กๆ ที่ต้องการอีกด้วยค่ะ)

ที่นี่มีโต๊ะไม้ไว้สำหรับให้เด็กๆ นั่งกินข้าวโดยเฉพาะ แอบกระซิบว่าสัมผัสของโต๊ะไม้ที่นี่ไม่ธรรมดา เพราะเป็นโต๊ะที่นำเข้าจากประเทศเยอรมัน เมื่อจับหรือสัมผัสจะให้ความรู้สึกที่เรียบและลื่นมือไม่มีเสี้ยนคมอะไรที่จะทำให้เกิดอันตรายกับเด็กๆ ได้

ส่วนถาดใส่อาหารที่เห็นพี่หมีแพนด้านั่งกินอยู่นั้น ก็เป็นภาชนะที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และลดปัญหาการเกิดขยะพลาสติกอีกด้วย

ภายในบริเวณเพนทรี ยังมีส่วนของห้องน้ำและจุดล้างมือสำหรับเด็กๆ สีสันสดใสสะดุดตา พร้อมกับเก้าอี้ตัวน้อยไว้ให้เด็กๆ ใช้ยืนต่อตัวล้างมือได้ถนัดขึ้นอีกด้วย

หลังจากชิมอาหารกลางวันของเด็กๆ เป็นที่เรียบร้อย เราจึงได้เริ่มเดินสำรวจโซนห้องเรียนของเด็กๆ กันบ้าง เริ่มที่ห้องสำหรับน้องเล็กสุด ที่เตรียมเอาไว้ให้เหมาะกับเด็กเล็กอายุ 1 ขวบ 6 เดือน  ความน่าสนใจของห้องนี้คือของเล่นสำหรับพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ของเด็ก และประตูที่สามารถเปิดออกจากห้องไปเจอพื้นที่ Play Ground ที่มีทั้งสนามหญ้าและต้นไม้เอาไว้ให้เด็กๆ ได้ฝึกทักษะด้านประสาทสัมผัสอีกด้วย

ที่ Little treehouse Nursery ใช้แนวการสอนจะใช้ตามแบบ Reggio Emilia ก็คือเน้นการปล่อยให้ให้เด็กๆ ได้เล่นอย่างอิสระ จนเกิดการเรียนรู้ขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป (play based learning) เพื่อเป็นการเริ่มต้นพัฒนาอารมณ์และสร้างความมั่นใจในการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ

ข้อดีของแนวการสอนแบบเรกจิโอ เอมิเลีย ที่คุณครูยกตัวอย่างให้เราฟังก็คือ ถ้าลองสังเกตเด็กๆ ที่ถูกบังคับให้นั่งที่ระบายสีหรือได้รับคำสั่งให้ทำอะไรบางอย่าง เด็กก็จะทำอย่างไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร   แต่ถ้าเราปล่อยให้เขาระบายสีเมื่ออยากทำ หรือลงมือทำอะไรอย่างอิสระ  เด็กๆ จะร่าเริง มีความสุข และมีความคิดสร้างสรรค์ในการทำสิ่งนั้นมากขึ้น ที่สำคัญคือทำให้เด็กมีสมาธิกับสิ่งที่ทำได้ดีกว่าอีกด้วย

พื้นที่ Play Ground สำหรับให้เด็กๆ พัฒนาประสาทสัมผัส ด้วนการสัมผัสพื้นผิวต่างๆ ไม่ว่าจะด้วยการเตรียมพื้นหญ้า กระบะทราย และปูพื้นด้วยกระเบื้องที่มีผิวสัมผัสแตกต่างกัน เพื่อให้เด็กๆ ได้สัมผัส เดิน หรือคลาน เพื่อเป็นการเรียนรู้ไปในตัว

หากสังเกตให้ดี เราจะพบว่า Little treehouse Nursery แทบจะไม่ปล่อยให้ห้องเรียนมีแต่เฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งก่อสร้าง แต่จะแทรกด้วยพื้นที่ต้นไม้หรือมุมมองที่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติอยู่เกือบทุกห้อง เพราะที่นี่ต้องการเน้นให้เด็กๆ ได้สัมผัสกับธรรมชาติให้มากที่สุด เพราะปัจจุบันเด็กๆ ที่เติบโตในเมืองส่วนมาก มีครอบครัวที่อยู่อาศัยในคอนโดมีเนียม ซึ่งมีพื้นที่ตามธรรมชาติน้อย ทำให้เด็กๆ มีโอกาสได้เจอกับแสงแดด ต้นไม้ และพื้นดินน้อยลงตามไปด้วย

ห้องเรียนทุกห้องจึงมีการเชื่อมจากในห้องออกไปสู่พื้นที่กลางแจ้ง และเปิดรับแสงจากธรรมชาติเข้ามาภายในห้องได้อีกด้วย

ส่วนห้องต่อมาที่เราได้ชม เป็นห้องเรียนสำหรับเด็กๆ อายุ 2-3 ปี มีโต๊ะเก้าอี้ขนาดที่ออกแบบมาให้รับกับขนาดตัวของเด็กๆ และของเล่นที่จัดแบ่งพื้นที่การเล่น ได้เป็นสัดส่วนแต่ดูโปร่ง โล่ง และสบายตา ที่สำคัญคือห้องนี้สามารถมองเห็นและเปิดประตูออกไปเจอกับบ้านไม้หลังเล็กที่บริเวณหน้าโรงเรียนได้เลย

คุณครูอธิบายเพิ่มเติมว่าเด็กช่วงอายุ 2-3 ปี จะเริ่มมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น อยากทำอะไรด้วยตัวเอง ชอบสำรวจสิ่งรอบตัว และมีความคิดสร้างสรรค์ในการเล่นมากขึ้น จึงทำให้มีการออกแบบการจัดวางข้าวของในห้องอย่างที่พวกเราเห็น

มาต่อกันที่ชั้นสองกันดีกว่าค่ะ บันไดที่เด็กๆ ต้องเดินขึ้นลงนั้นมีการรักษาความปลอดภัยด้วยการใช้พลาสติกกั้นช่องระหว่างราวบันไดไว้อย่างดี เพราะสำหรับเด็กๆ แล้ว เราต้องป้องกันไว้ก่อนดีที่สุด!

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองเราจะพบกับห้องศิลปะเป็นอันดับแรก ภายในห้องมีโต๊ะกลมสำหรับให้เด็กๆ นั่งทำงานศิลปะ ส่วนรอบห้องก็มีอุปกรณ์สำหรับวาดรูปและประดิษฐ์งานศิลปะที่นำมาจากของใช้รีไซเคิล ไม่ว่าจะเป็นแกนม้วนกระดาษชำระหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ เพื่อให้เด็กๆ ได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และเห็นคุณค่าของวัสดุเหลือใช้ รวมถึงไม่เป็นการสร้างขยะเพิ่มอีกด้วย

ก่อนที่เราจะเดินไปถึงห้องถัดไป ระหว่างทางก็ได้พบกับบ้านต้นไม้หลังเล็กๆ ที่ให้เด็กๆ ใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมมุมอ่านหนังสือ มุมนั่งเล่นนอนเล่นกับเพื่อนๆ ได้สบายเหมือนอยู่ที่บ้านของตัวเองกันเลยทีเดียว

มาดูห้องเรียนของพี่ใหญ่ ก็คือห้องสำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป ซึ่งสำหรับเด็กในช่วงอายุนี้ นอกจากจะใช้แนวทางการเรียนรู้ผ่านการเล่นมากขึ้น เช่น เด็กๆ จะเริ่มเข้าใจรูปร่างและรูปทรงเรขาคณิตผ่านการเล่นบล็อกไม้ ถือเป็นการเรียนรู้ที่ไม่ได้เกิดจากการเรียน หรือการเรียนรู้แบบ conceptual thinking คือการให้เด็กๆ เรียนรู้จากสิ่งที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่เคยได้ยิน ของที่เคยเห็นหรือเคยใช้ นำไปสู่การคิดวิเคราะห์เพื่อเกิดความเข้าใจ เช่น เด็กๆ จะสามารถเรียนรู้ได้ว่า หากมีคน 10 คน จะต้องใช้ถุงเท้าทั้งหมด 5 คู่ และยังเพิ่มการเรียนการสอนด้วยหลักสูตรของประเทศอังกฤษเข้ามา

และเราก็เดินมาถึงห้องสุดท้าย ซึ่งก็คือห้องดนตรี ที่มีไว้ให้เด็กๆ ได้กระโดดโลดเต้นไปตามเสียงเพลงเพื่อสร้างความคุ้นเคย เปิดจินตนาการ และสนุกไปกับเสียงดนตรีอย่างเต็มที่

และเราก็เดินมาถึงห้องสุดท้าย ซึ่งก็คือห้องดนตรี ที่มีไว้ให้เด็กๆ ได้กระโดดโลดเต้นไปตามเสียงเพลงเพื่อสร้างความคุ้นเคย เปิดจินตนาการ และสนุกไปกับเสียงดนตรีอย่างเต็มที่

เห็นอย่างนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่คงจะรู้สึกประทับใจบรรยากาศของ Little treehouse Nursery สถานที่ดูแลเด็กๆ ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเหมือนอยู่ในบ้านที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ

Little treehouse Nursery เปิดรับสมัครเด็กตั้งแต่อายุ 18 เดือนขึ้นไป สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง เว็บไซต์ littletreehousenursery และเฟซบุ๊ก littletreehousenursery ได้เลยค่ะ


Anittha R

หลงรักธรรมชาติของความเป็นเด็ก ชอบดูหนัง ชอบหนังสือนิทาน รักการเลี้ยงต้นไม้ และใฝ่ฝันอยากทำสวนกระบองเพรชที่มีดอกเยอะๆ

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST