เพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้คนรุ่นปู่ย่าตายายกับคุณแม่รุ่นใหม่ มีวิธีการเลี้ยงเด็กที่แตกต่างกัน คุณแม่หลายบ้านต้องเผชิญปัญหาว่าจะทำอย่างไร เพื่อเปลี่ยนใจคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายให้เปิดใจยอมรับว่าความเชื่อและวิธีดั้งเดิมที่เคยทำมาก่อนนั้น ช่างขัดกับหลักการทางการแพทย์ในปัจจุบันเสียเหลือเกิน
ลองหาทางอธิบายบอกปู่ย่าตายายของลูกกันดีกว่าว่า ความเชื่อดังกล่าว ทำให้เกิดอันตรายต่อเด็กเล็กได้อย่างไรบ้าง
1. ป้อนข้าวป้อนกล้วยให้หลานก่อนอายุหกเดือน
เพราะความหวังดี กลัวว่าเด็กกินแต่น้ำนมแม่อย่างเดียวคงไม่อิ่ม ทำให้ปู่ย่าตายายพยายามบดกล้วยบดข้าวป้อนให้หลานกิน
แต่หารู้ไม่ว่า การป้อนข้าวป้อนกล้วยให้ทารกตั้งแต่ก่อนอายุหกเดือน เป็นอันตรายสำหรับทารกมาก เพราะระบบทางเดินอาหารของทารกมีการย่อยและการดูดซึมอาหารไม่มีประสิทธิภาพดีเท่ากับผู้ใหญ่ การป้อนกล้วยให้ก่อนอายุหกเดือนจะทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา ดังต่อไปนี้
1. ลําไส้อุดตัน
ข้าวและกล้วยที่กินเข้าไปไม่สามารถย่อยและดูดซึมในกระเพาะอาหารและลำไส้ของทารกได้ แถมยังขัดขวางการทำงานของลำไส้ จนสุดท้ายทำให้ลำไส้เกิดการอุดตัน ซึ่งถ้าอาการรุนแรงมากต้องผ่าตัดสำไส้ หากรักษาไม่ทัน อาจทำให้ลำไส้แตกและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
2. ภาวะอุดตันทางเดินหายใจ
เด็กทารกยังไม่พร้อมในการทานอาหาร อาจทำให้สำลักข้าวหรือกล้วยที่ป้อนและเกิดภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ จนทำให้สมองขาดออกซิเจน ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตหรือกลายเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงนิทราได้เลย
3. ขาดสารอาหารที่จำเป็น
เด็กแรกเกิดถึงหกเดือนควรได้รับสารอาหารจากนมแม่เป็นหลัก การให้กินกล้วยมากเกินไปจะทำให้เด็กอิ่มและกินนมได้น้อย
2. ให้หลานอายุแรกเกิดถึงหกเดือนดื่มน้ำ
เราทุกคนถูกสอนมาว่าน้ำจำเป็นต่อร่างกาย แต่นั่นไม่ใช่สำหรับทารกแรกเกิด เพราะสำหรับเด็กแรกเกิดน้ำที่ได้รับจากน้ำนมแม่ก็เพียงพอแล้ว
ความเชื่อที่ว่า ‘ทารกตัวเหลืองเพราะไม่ได้กินน้ำ’ แท้จริงเป็นเพราะเกิดการแตกของเม็ดเลือดแดง ทำให้เกิดสารสีเหลืองซึ่งเป็นของเสียของร่างกาย ซึ่งร่างกายต้องกำจัดออกทางตับ แต่ตับของทารกแรกเกิดยังทำงานไม่เต็มที่ ทำให้ร่างกายต้องใช้อีกวิธีในการขับสารเหลืองออกจากร่างกายผ่านการอุจจาระ ทารกที่กินนมแม่จึงขับถ่ายบ่อย แต่ก็ทำให้อาการตัวเหลืองลดลงอย่างรวดเร็ว
และการให้เด็กดื่มน้ำมากๆ จะทำให้เด็กเป็นโรคต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ขาดสารอาหารที่จำเป็น
เมื่อป้อนน้ำให้ทารกจำนวนมาก จะทำให้ทารกดื่มนมได้น้อยลงและพลอยได้รับสารอาหารจากน้ำนมแม่น้อยลงด้วย
2. ภาวะน้ำเป็นพิษ
ภาวะนี้พบได้บ่อยสุดในเด็กอายุน้อยกว่าหกเดือน การกินน้ำมากเกินไปทำให้ไตของทารกยังทำงานไม่เต็มที่ กรองของเหลวได้ช้า และน้ำยังไปเจือจางความเข้มข้นของโซเดียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญของร่างการที่ช่วยรักษาสมดุลน้ำระหว่างภายในและภายนอกเซลล์ เด็กที่ดื่มน้ำมากเกินกว่าร่างกายจะปรับสมดุลได้ จะทำให้โซเดียมต่ำ จนเกิดความผิดปกติของสมดุลน้ำในร่างกายทารก ทำให้เกิดอาการกระตุก ชัก สมองบวม ปอดบวม โคม่า และเสียชีวิตได้
3. ดัดขาลูกแต่เล็ก ขาจะไม่โก่ง
มีหลานสาวก็อยากให้หลานโตไปมีขายาว เรียว สวย เหมือนนางแบบ จึงทำให้ปู่ย่าตายายหลายคนพยายามดัดขาหลานให้ตั้งตรงตั้งแต่ยังเล็ก
แต่ทางการแพทย์ถือว่าความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง และไม่ควรทำ เพราะขาของเด็กยังพัฒนาการไม่เต็มที่ หากดัดผิดวิธีอาจทำให้เกิดอันตรายได้
ตามธรรมชาติเด็กทารกแทบทุกคนขาโก่ง และขาจะเริ่มเข้าที่เมื่อเด็กอายุสองขวบ แต่ถ้าถึงสองขวบแล้วขายังผิดปกติ แนะนำให้ไปพบคุณหมอ
4. ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปทำให้ลูกขาโก่ง
การใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปทำให้คนรุ่นเก่าเป็นกังวลว่าจะทำให้เด็กขาโก่งได้
ในท้องแม่มีพื้นที่จำกัด แต่ขณะที่ทารกเริ่มจะตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนต้องงอตัว เบียดตัวเองอยู่ในพื้นที่จำกัด เวลาทารกอยูในท้องแม่ ทารกมักอยู่ในท่าขัดสมาธิและงอตะโพก พอคลอดออกมาแล้วจึงดูเหมือนขาโก่ง ซึ่งจะค่อยๆ คลายตัวและหายไปตอนเด็กอายุสองขวบ ยิ่งเด็กหัดเดิน หัดคลาน ข้อตะโพกจะแข็งแรงขึ้น กระดูกจะปรับยืดตรงได้เอง
การใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปผิดไซซ์ทำให้เด็กขากางมากกกว่าปกติจนดูเหมือนขาโก่ง แต่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ลูกขาโก่งอย่างแน่นอน
5. ห้ามคุณแม่ดื่มน้ำเย็น เพราะจะไม่มีน้ำนมให้ลูกกิน
บังคับให้คุณแม่กินแต่น้ำร้อนเพราะเชื่อว่าน้ำร้อนช่วยสร้างน้ำนมได้ดีมากกว่า แต่บางทีคุณแม่เองก็อยากจิบน้ำเย็นให้ชื่นใจบ้าง ความจริงแล้วร่างกายของผู้หญิงผลิตน้ำนมได้จากการถูกกระตุ้น เช่น การให้ลูกดูดนม หรือปั๊มนมอย่างสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นอุณหภูมิของน้ำไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำนมแม่เลย
6. ลูกลิ้นเป็นฝ้าขาว ให้ใช้ปัสสาวะเช็ด
โบราณเขากล่าวมาว่าอย่างนั้น แต่จะให้แม่ทำใจเอาปัสสาวะมาเช็ดปากลูกก็คงจะทำใจได้ยาก ลิ้นเป็นฝ้าขาวเกิดจากสองสาเหตุ คือ คราบน้ำนม เนื่องจากหลังกินนมแล้ว ไม่ได้เช็ดทำความสะอาดในช่องปาก และเกิดจากเชื้อรา ซึ่งอาจจะเป็นเชื้อราที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เชื้อราที่เกิดจากการทำความสะอาดไม่ทั่วถึงจึงเกิดเป็นคราบสะสม เชื้อราที่เกิดจากเชื้อโรคที่มาจากการที่ลูกหยิบจับสิ่งของเข้าปาก วิธีสังเกตว่าฝ้าขาวนั้นเป็นเชื้อราหรือเปล่า ให้ดูที่กระพุ้งแก้มทั้งสองข้าง บริเวณเหงือก หากมีคราบขาวจากเชื้อรามีเยอะหรือหนามาก ร่วมกับเด็กมีอาการงอแง ไม่ยอมกินนม น้ำหนักตัวลด ก็ให้รีบพาไปหาคุณหมอ
7. อย่าซื้อของให้ลูกก่อนคลอด
เพราะกลัวว่าช่วงใกล้คลอดและหลังคลอดจะไม่มีเวลาไปซื้อของให้ลูก ทำให้แม่บางคนรีบซื้อของให้ลูกตั้งแต่ตั้งครรภ์ได้ 4-5 เดือน แต่กลับถูกต่อว่าไม่ให้ซื้อ อาจเป็นเพราะวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์สมัยก่อนไม่ได้ก้าวหน้าอย่างเช่นปัจจุบัน อัตราการแท้งสูงกว่าปัจจุบันมากนักและยังไม่สามารถบอกเพศได้ เลยอยากให้ชัวร์ก่อนว่าลูกคลอดแล้ว เป็นเพศหญิงหรือเพศชาติ จึงค่อยไปซื้อของ
แต่การแพทย์ปัจจุบันพัฒนาก้าวหน้าไปมาก มีคุณหมอและพยาบาลค่อยติดตามอาการของคุณแม่เสมอ เมื่อผิดมีอาการปกติ และนอกจากนี้ก็สามารถบอกเพศเด็กได้ตั้งแต่ตั้งครรภ์ 16 สัปดาห์ขึ้นไป
COMMENTS ARE OFF THIS POST