คุณพ่อคุณแม่หลายคนน่าจะเคยประสบปัญหา ลูกไม่มีสมาธิ ในการทำอะไรเอาเสียเลย เช่น เวลาที่คุณพ่อคุณแม่สอนการบ้าน ชวนลูกเล่น หรือทำกิจกรรมเพื่อเสริมทักษะบางอย่าง แต่เจ้าตัวเล็กให้ความร่วมมืออยู่ได้ไม่นาน ก็เริ่มมองหากิจกรรมอื่นมาทดแทนเสียแล้ว
การที่ ลูกไม่มีสมาธิ Karrie Godwin ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาคจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแมริแลนด์ บัลติมอร์ เคาน์ตี้ (University of Maryland Baltimore County) ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยว่า เด็กเล็กไปจนถึงเด็กวัยเรียน หรือเด็กในช่วงอายุ 3-8 ปี จะสามารถจดจ่ออยู่กับบทเรียนหรือกิจกรรมในห้องเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ในช่วง 10 นาทีแรก หลังจากนั้นประสิทธิภาพในการเรียนรู้จะจดจำของเด็กจะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ แต่ทฤษฎี Brain Break หรือเทคนิคบริหารสมองสามารถช่วยให้เด็กกลับมามีสมาธิจดจ่อกับบทเรียนหรือกิจกรรมในห้องเรียนได้อีกครั้ง
คุณพ่อคุณแม่จึงควรทำความรู้จักกิจกรรม Brain Break และเรียนรู้ 5 กิจกรรมบริหารสมองผ่อนคลายความเครียด เพื่อสร้างสมาธิ และส่งเสริมการเรียนรู้ให้ลูก ดังต่อไปนี้
Brain Break คืออะไร มีข้อดีอย่างไร
โดยปกติแล้วสมองจะทำงานได้ดีที่สุด เมื่อเซลล์สมองมีการรับ-ส่งสัญญาณจากประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัส ไปยังหน่วยความจำในสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อลูกเกิดความเครียด หรือใช้สมองหนักเกินไปจะทำให้กระบวนการรับ-ส่งสัญญาณในสมองติดขัด ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่
ผู้เชี่ยวชาญได้นำเสนอทฤษฎี Brain Break หรือเทคนิคฟื้นฟูสมองจากความเครียดและการใช้งานที่หนักเกินไป โดยการสลับไปทำกิจกรรมอื่นที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และบรรเทาความเครียด ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการทำงานของสมอง เพื่อลดระดับความเครียดในสมอง เพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำ ส่งเสริมให้เด็กมีอารมณ์ดีขึ้น และกลับมามีสมาธิจดจ่อกับกิจกรรมที่ทำอยู่ได้มากยิ่งขึ้น
5 กิจกรรมบริหารสมอง ช่วยลูกผ่อนคลายจากความเครียด
1. ปั้นดินน้ำมันหรรษา
การปั้นแป้งโดว์หรือดินน้ำมัน ไปพร้อมกับเปิดเพลงจังหวะสบายๆ คลอไปด้วย เป็นกิจกรรมง่ายๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกทำได้ที่บ้าน นอกจากจะช่วยให้ลูกผ่อนคลายจากความเครียด รู้สึกเพลิดเพลิน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังช่วยพัฒนามัดกล้ามเนื้อมือของลูกให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย
2. เต้นประกอบเพลง
การเต้นเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้ลูกได้เคลื่อนไหว เปลี่ยนอริยาบทของร่างกาย และคลายเครียดได้เป็นอย่างดี
เมื่อคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าลูกกำลังเบื่อหรือหลุดโฟกัสจากสิ่งที่ทำตรงหน้า ลองชวนลูกเปิดเพลงโปรดและลุกขึ้นมาเต้นไปพร้อมกับลูก หรือคิดเกมง่ายๆ ประกอบการเต้นและเสียงเพลง เช่น ให้ทุกคนหยุดเต้น เมื่อเพลงหยุด ใครหยุดอยู่กับที่ได้นานที่สุดจะเป็นผู้ชนะ หรือเกมง่ายๆ ที่ลูกคุ้นเคย เช่น เก้าอี้ดนตรี ก็ช่วยให้ลูกพักสมองได้เช่นกัน
3. โยคะสำหรับเด็ก
โยคะเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่ทำให้ออกซิเจนเคลื่อนที่ไปทั่วร่างกาย ได้ยืดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ อย่างเต็มที่ และช่วยส่งเสริมให้ลูกมีสมาธิมากขึ้นจากการกำหนดลมหายใจเข้า-ออก คุณพ่อคุณแม่ควรหาท่าโยคะง่ายๆ สัก 2-3 ท่า หรือเปิดดูท่าโยคะสำหรับเด็กในอินเทอร์เน็ต และลองให้ลูกทำตาม
ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย สนุกสนาน ไม่เคร่งเครียดกับท่าโยคะหรือการกำหนดลมหายใจของลูกมากเกินไป เพราะแทนที่จะสนุก อาจทำให้ลูกรู้สึกกดดันและเกิดความเครียดขึ้นได้
4. ให้ลูกพักดูการ์ตูนเรื่องโปรด
การได้ดูการ์ตูนหรือเล่นวิดีโอเกมสุดโปรดเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลูกคลายเครียดจากบทเรียนหรือการบ้านได้ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรมีส่วนร่วมในการนั่งดูการ์ตูนร่วมกันและกำหนดเวลาสำหรับการพักดูการ์ตูนของลูกให้ชัดเจน เช่น ดูการ์ตูนได้ไม่เกิน 15 นาที หรือ 1 ตอน เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกรู้สึกติดลมและไม่อยากทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อไป
5. ชวนลูกออกไปสูดอากาศนอกบ้าน
การเปลี่ยนบรรยากาศเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ลูกรู้สึกสดชื่น และกลับมาสนุกกับการเรียนรู้อีกครั้ง คุณพ่อคุณแม่อาจพาลูกวิ่งออกกำลังกาย เล่นวิ่งไล่จับ หรือชวนลูกเล่นกีฬา เพราะการขยับร่างกายจะช่วยให้เลือดสูบฉีดได้ดี ลดระดับความเครียดในสมอง และช่วยให้ลูกรู้สึกกะปรี้กะเปร่ามากขึ้นด้วย
COMMENTS ARE OFF THIS POST