ชีวิตประจำวันของเด็กๆ อาจจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉินที่ทำให้เกิดอันตรายไม่จะว่าเกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองหรือคนอื่น

1. สอนให้รู้จักการห้ามเลือด

เด็กเป็นวัยแห่งความซุกซนและไม่ค่อยระมัดระวังตัว อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้บ่อย เช่น หกล้ม หัวแตก หรือเป็นแผลที่ทำให้มีเลือดออก คุณพ่อคุณแม่จึงควรสอนให้ลูกรู้จักวิธีการรับมือเบื้องต้น เมื่อเกิดแผลที่มีเลือดออก ว่าสิ่งที่ลูกควรทำก็คือนำผ้าสะอาดกดลงไปบริเวณแผลให้แน่น หรือยกแผลขึ้น ก็จะช่วยให้เลือดหยุดไหลได้เร็วขึ้น

2. สอนให้รู้จักอาการของกระดูกหัก

นอกจากเล่นซนจนได้เลือดบ่อยๆ แล้ว เด็กบางคนก็โชคร้ายเล่นซนจนทำให้กระดูกหักได้ ที่สำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้ว่าอาการกระดูกหักนั้นเป็นอย่างไร เช่น รู้สึกเจ็บโดนบริเวณนั้น  มีอาการปวด บวมแดง ห้อเลือด รู้สึกชา และกระดูกบิดเบี้ยว ถ้าอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับตัวเอง ต้องสอนให้ลูกขยับบริเวณที่รู้สึกเจ็บให้น้อยที่สุด ก่อนจะบอกคุณครูหรือพ่อแม่ทันที

แต่หากมีเพื่อนที่สงสัยว่าจะมีอาการกระดูกหัก ควรให้เพื่อนนอนหรือนั่งนิ่งๆ แล้วมองหาร่องรอยแผล หรือรอยฟกช้ำว่าเกิดขึ้นตรงไหน ห้ามพยายามที่จะอุ้มหรือประคองให้ขยับตัวเด็ดขาด เพราะอาจยิ่งทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้นไปอีก แล้วค่อยรีบมาขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ต่อไป

3. สอนให้รู้จักการประคบแผลช้ำด้วยน้ำแข็ง

เมื่อเกิดอุบัติเหตุอย่างการชน กระแทก อย่างรุนแรงจนเกิดอาการฟกช้ำ  คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนให้ลูกใช้น้ำแข็งห่อด้วยผ้าหรือกระดาษทิชชู่ แล้วนำมาประคบบริเวณที่ฟกช้ำก็จะช่วยให้อาการบรรเทาลงได้

4. สอนลูกรู้จักเอาตัวรอดจากไฟ ด้วยการกลิ้งหรือทิ้งตัว

ไฟก็เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเด็กๆ ได้ง่าย และมักจะนำความบาดเจ็บรุนแรงมาให้ลูกได้ ดังนั้นการสอนให้ลูกรู้จักวิธีการรับมือกับอุบัติเหตุที่เกิดจากไฟก็เป็นเรื่องจำเป็น เช่น หากลูกมีไฟติดเสื้อให้เขาใช้วิธีการทิ้งตัวและกลิ้งม้วนตัวกับพื้นแข็งเพื่อดับไฟ ไม่ควรกลิ้งตัวบนพรมหรือวัสดุที่ติดไฟง่าย  แต่หากเป็นนอกบ้านการกลิ้งม้วนตัวบนพื้นหญ้าจะสามารถช่วยดับไฟได้ดีกว่าพื้นคอนกรีต

5. สอนลูกให้รู้จักรับมือการสำลัก

การสำลักเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เด็กหรือแม้แต่ผู้ใหญ่ก็เสียชีวิตได้ เพราะเกิดการอุดตันที่ทางเดินหายใจ ทำให้หมดสติลงในที่สุด การสังเกตอาการสำลัก ให้ดูว่ามีอาการไอมากผิดปกติหรือไม่ สามารถหายใจหรือพูดเป็นคำได้ตามปกติหรือเปล่า ถ้าเห็นว่าอาการไม่ดีรีบบอกคุณครูหรือคุณพ่อคุณแม่ทันที

หรือคุณพ่อคุณแม่จะสอนให้ลูกรู้จักวิธีการทำ back blow ซึ่งก็คือการตบหลังให้อาหารหรือสิ่งที่ติดอยู่ในลำคอหลุดออกมา โดยใช้มือพาดบริเวณหน้าอกของผู้ป่วยเพื่อประคองตัวผู้ป่วยไว้ หลังจากนั้นให้เอนตัวผู้ป่วยไปทางด้านหน้า ใช้สันมืออีกข้างหนึ่งตบไปที่บริเวณกึ่งกลางระหว่างสะบักหลังทั้งสองข้าง ประมาณ 5 ครั้ง

อ้างอิง
verywellhealth
theschoolrun
firsteditionfirstaid