สำหรับบางคนความรักอาจเป็นเรื่องซับซ้อน ขนาดผู้ใหญ่อย่างเรายังไม่ค่อยเข้าใจ แต่สำหรับเด็กๆ แล้ว ความรักนั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมาอย่างที่สุด เพราะเขารับรู้มันได้จากพฤติกรรมที่คุณพ่อคุณแม่ และคนในครอบครัวปฏิบัติต่อเขาอย่างสม่ำเสมอ และสิ่งเหล่านั้นจะช่วยปลูกฝังให้เด็กๆ เติบโตมาเป็นคนที่รู้จักรักและส่งต่อความรักเหมือนที่เขาเคยได้รับมาตลอด
ลองดู 11 พฤติกรรมแสดงความรักที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลย เพราะมันสามารถหล่อหลอมให้เด็กๆ รู้จักความรักและรักคนอื่นได้อย่างดีเลยทีเดียว
1. แสดงความรักต่อกัน
กอด จูงมือ สัมผัสที่อบอุ่น ปกป้อง แสดงความห่วงใยซึ่งกันและกันอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ลูกรู้ว่าเขาคือคนสำคัญ และเราดีใจแค่ไหนที่เขาเป็นลูกที่น่ารักของเรา
หรือสังเกตว่าลูกชอบให้เราแสดงความรักแบบไหน ด้วยการถามเขาว่า “หนูจะรู้ได้ยังไงว่าใครรักหนู” อย่าลืมเตรียมคำตอบของตัวเองไว้แชร์กับลูกด้วย หรือชวนลูกวาดภาพสมาชิกในครอบครัว และเขียนบอกว่าใครชอบการแสดงความรักแบบไหน หรือชวนลูกทำการ์ดเพื่อบอกว่าเรารู้สึกรักคนคนนั้นเพราะอะไรด้วยก็ได้
2. บอกรักกัน
คุณพ่อคุณแม่ควรบอกรักลูกๆ หรือบอกรักกันเองในช่วงเวลาธรรมดาๆ อย่าง ก่อนเข้านอน หรือตอนส่งลูกไปโรงเรียน โดยไม่ต้องรอโอกาสหรือเทศกาลพิเศษอะไรทั้งสิ้น เพื่อทำให้ลูกรู้ว่าครอบครัวของเรารักกัน และเขามีความหมายสำหรับคุณเสมอ
3. สร้างหัวใจเอาไว้ใส่ความรัก
อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าทำไมหัวใจถึงมักถูกใช้เป็นตัวแทนของความรัก เช่น เพราะมันเป็นแหล่งพลังงานชีวิต ส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายของคนเรา อาจลองประดิษฐ์กล่องทรงหัวใจหรือมีรูปหัวใจไว้บนกล่อง ไว้ให้ลูกเก็บของที่เขารักไว้ในนั้น
4. ลิสต์รายชื่อคนที่เรารักและรักเรา
อาจทำเป็นอัลบั้มภาพคนในครอบครัวและเพื่อนที่โรงเรียน เพื่อเตือนใจว่ามีคนมากมายที่แคร์เขาและเขาควรจะแคร์ แล้วลูกจะรู้ว่าการให้และความรักนั้นมีได้หลากหลายรูปแบบ
5. พูดถึงคนที่พบเจอและความรู้สึกที่เขาแสดงออก
ลองให้ลูกเล่าถึงคนที่เขารู้สึกชอบหรือสบายใจเมื่อพบเจอ ว่าคนนั้นแสดงออกหรือปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้ลูกเรียนรู้วิธีการแสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่ต่างออกไปจากที่เขาเคยรู้จัก
6. แสดงความรักต่อโลก
แสดงให้ลูกเห็นว่าเราจำเป็นต้องรักและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นตอนแยกขยะไปทิ้ง ตอนทำสวนหรือเก็บเศษขยะตามถนนก็ตาม
บอกและทำเป็นตัวอย่างให้เขารู้ว่าเราทำอะไร เพื่ออะไร และจะมีผลดีต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราอย่างไร เพราะการที่ทุกสิ่งรอบตัวเรามีความสุขและสดชื่น ก็จะทำให้เราสดใสไปด้วย
7. อ่านนิทานดีๆ ที่สอนเรื่องความรัก
– The Day It Rained Hearts โดย Felicia Bond เล่าถึงวันที่มีฝนตกลงมาเป็นรูปหัวใจ และเด็กน้อยคนหนึ่งที่ตามเก็บรวบรวมฝนหัวใจที่ตกลงมา เพื่อทำเป็นของขวัญวาเลนไทน์ให้กับเพื่อนทั้งสี่คนด้วยความตั้งใจ
– Love Monster โดย Rachel Bright เรื่องราวอบอุ่นหัวใจของสัตว์ประหลาดที่รู้สึกเป็นตัวประหลาดกลางเพื่อนตัวฟูๆ มันจึงออกเดินทางตามหาความรัก แต่หลังจากพยายามอยู่หลายครั้งก็ไม่เห็นผล จนเริ่มถอดใจและคิดว่าคงไม่เจอความรักแล้ว หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนแค่เรื่องความรัก แต่ยังแฝงการไม่ยอมแพ้จนกว่าจะประสบความสำเร็จด้วย
– How Do Dinosaurs Say I Love You? โดย Jane Yolan นิทานที่ยกตัวอย่างวิธีการบอกรักรูปแบบต่างๆ ผ่านไดโนเสาร์ตัวหนึ่ง ที่อาจมีตัวเลือกที่ดีและข้อผิดพลาดซึ่งอาจเกิดขึ้นกับเด็กๆ ได้ทั้งนั้น
– Pete The Cat: Valentine’s Day is Cool โดย James Dean แมวน้อยพีต ผู้คิดว่าวันวาเลนไทน์นั้นไม่ค่อยเจ๋งสักเท่าไร แต่หลังจากที่ได้คุยกับคอลลี่ จึงตัดสินใจทำการ์ดวาเลนไทน์แจกเพื่อนๆ แต่ดันลืมทำให้คอลลี่… ซึ่งทั้งคู่กำลังบอกเราว่าการใช้เวลาร่วมกันนั้นสำคัญที่สุดต่างหาก
– There was an Old Lady Who Swallowed a Rose โดย Lucille Colandro กล่าวถึงหญิงชราผู้กลืนกินทุกสิ่งอย่าง ทั้งดอกกุหลาบ ผ้าลูกไม้ กากเพชร ขนมหวาน เครื่องประดับหัวใจ และการ์ดอวยพรเพื่อทำการ์ดวาเลนไทน์สุดวิเศษที่ไม่ใช่แค่สนุก แต่หนังสือยังมีการเล่นคำซ้ำ ใช้เสียงสัมผัสลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้น่าติดตามยิ่งขึ้นไปอีก
8. ให้ความเคารพคนอื่น
สอนให้ลูกรู้ว่าเมื่อมีคนช่วยเหลือหรือทำอะไรให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ต้องพูด ‘ขอบคุณ’ เสมอ เพื่อแสดงว่าเราเคารพ ชื่นชม และซึ้งในน้ำใจของเขา
รวมถึงการให้เคารพคนอื่นที่สามารถเริ่มจากพฤติกรรมในครอบครัว เช่น การไม่พูดแทรกหรือล้อเลียนความคิดเห็นของคนอื่น
9. สนับสนุนกันและกัน
แม้ว่าเราจะไม่เห็นด้วยกับไอเดียของลูกเลยสักนิด ก็ควรพยายามสนับสนุนเขาสักทาง แต่ก็คอยแนะนำสิ่งที่ถูกต้องให้เขาด้วย เช่น รู้ว่าต้นไม้ที่ลูกชอบไม่ควรปลูกในสภาพอากาศแบบนี้ แต่ถ้าเขาอยากปลูกจริงๆ คุณก็ควรช่วยเขา และแนะนำต้นไม้อื่นๆ ที่ปลูกได้ในสภาพอากาศแบบนี้ และมีแนวโน้มว่าเขาจะชอบได้แทนไว้ด้วย
10. การให้นั้นสุขใจยิ่งกว่าการรับ
ทำให้บรรยากาศครอบครัวเป็นที่ที่มีน้ำใจ มีการแบ่งปัน อบอุ่น และใส่ใจทุกคนในครอบครัว แล้วเขาจะเรียนรู้ที่จะรักและให้โดยไม่หวังผลตอบแทน อาจพาเขาไปบริจาคสิ่งของตามสถานที่ต่างๆ ให้รู้ว่าการทำอะไรเพื่อคนอื่นนั้นจะสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับได้อย่างไร
11. ความรักไม่มีเงื่อนไข
แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ควรสอนลูกว่าความรักนั้นเป็นได้ทั้งทุกข์และสุข ลูกต้องเรียนรู้ที่จะดีใจและเสียใจเพราะมัน เช่น เมื่อเพื่อนรักของเขาต้องย้ายโรงเรียน หรือของเล่นที่รักที่สุดหายไป แต่สิ่งสำคัญคือลูกต้องรู้จักรักตัวเอง ไม่ว่าจะเศร้าใจหรือสุขใจ และต้องอดทน อดกลั้น ให้อภัยได้ทั้งต่อตัวเองและคนอื่น นี่คือความยิ่งใหญ่ของความรักที่เขาจะได้เรียนรู้และเข้าใจมัน
NO COMMENT