หลายครอบครัวมีสัตว์เลี้ยงก่อนที่จะตัดสินใจมีลูก ดังนั้นไม่ใช่แค่คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเตรียมความพร้อมสำหรับสมาชิกคนใหม่ในบ้าน แต่สัตว์เลี้ยงก็ต้องใช้เวลาเตรียมตัวเช่นกัน

เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตุสัตว์เลี้ยงในบ้านของตัวเองก่อนว่าเป็นสัตว์ที่มีนิสัยก้าวร้าว ดุร้าย หรือหวงอาณาเขตของตัวเองหรือไม่

อย่างไรก็ตามสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่เป็นมิตรกับทารกและเด็กเล็ก แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่หันไปให้ความสนใจลูก จนลืมดูแลหรือมีเวลาให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเดิมแล้วละก็ อาจทำให้สัตว์เลี้ยงมีอาการน้อยใจ ไม่เจริญอาหาร เศร้าซึม หรือแสดงพฤติกรรมต่อต้านต่างๆ ตามมาได้

M.O.M รวบรวมเทคนิคที่จะทำให้คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงทารกหรือเด็กเล็กร่วมกับสัตว์เลี้ยงในบ้านได้อย่างสงบสุขสุข ด้วยการเตรียมความพร้อมให้กับสัตว์เลี้ยงในบ้านล่วงหน้า อย่างน้อย 3-4 เดือน ดังนี้

1. เล่าให้สัตว์เลี้ยงฟังเกี่ยวกับสมาชิกใหม่

ผลวิจัยของเจนนี่ เค วิลลิส นักพฤติกรรมสัตว์ร่วมกับวิทยาลัยสัตวแพทย์ ของมหาวิทยาลัยโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริการะบุว่า สัตว์เลี้ยงรับรู้ได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์

ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถพูดถึงสมาชิกใหม่ที่กำลังจะเข้ามาอยู่ในบ้านให้สัตว์เลี้ยงของคุณฟังได้ ลองสมมติว่าสัตว์เลี้ยงเป็นลูกคนโต คุณก็ควรบอกให้เขาเข้าใจว่าตัวเองกำลังจะมีหน้าที่และบทบาทใหม่ คือช่วยดูแลน้องเล็กที่กำลังจะเข้ามาอยู่ในบ้าน

2. จัดเตรียมห้องและสภาพแวดล้อมของลูกล่วงหน้า เพื่อให้สัตว์เลี้ยงเกิดความคุ้นเคย

คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมจัดห้องไว้ให้ลูกล่วงหน้า เพื่อให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงภายในบ้าน และถ้าหากคุณพ่อคุณแม่อยากให้สัตว์เลี้ยงอยู่ห่างจากเปลหรือห้องนอนลูก ก็สามารถฝึกให้สัตว์เลี้ยงรู้จักอาณาเขตใหม่ก่อนที่ลูกจะเข้ามาอยู่ในบ้าน

3. ฝึกให้สัตว์เลี้ยงคุ้นเคยกับกิจวัตรประจำวันใหม่ๆ

ฝึกให้สัตว์เลี้ยงคุ้นเคยกับการมีทารกในบ้าน เช่น ฝึกให้คุ้นเคยกับเสียงร้องของทารก ฝึกให้ชินกลิ่นของทารก ด้วยการให้สัตว์เลี้ยงดมกลิ่นแป้ง โลชั่น ผ้าอ้อม และโรยแป้งไว้บนตัวคุณพ่อคุณแม่หรือมุมต่างๆ ในบ้าน และพาสัตว์เลี้ยงไปเจอเด็กคนอื่น เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเด็ก

อีกวิธีคือการใช้ตุ๊กตาเด็กทารกฝึกแทนเด็ก ด้วยการอุ้มตุ๊กตาไปมา พาใส่รถเข็นเด็กตอนพาสัตว์เลี้ยงไปวิ่ง และใช้ตุ๊กตาฝึกทำให้สัตว์เลี้ยงชินกับกิจวัตรประจำวันใหม่ๆ เช่น อาบน้ำเด็ก เปลี่ยนผ้าอ้อม

นอกจากนี้ควรฝึกให้สัตว์เลี้ยงอยู่กับสมาชิกคนอื่นในครอบครัว เพราะหลังจากที่คุณพ่อคุณแม่พาลูกกลับบ้าน สัตว์เลี้ยงจะรู้สึกเครียด ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือต้องปล่อยให้สัตว์เลี้ยงค่อยๆ ปรับตัว และทำให้มันรู้สึกว่าคุณยังรักและเอาใจใส่

4. หาเวลาเล่นกับสัตว์เลี้ยงบ้าง

แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับลูกน้อย แต่ก็ควรหาเวลาอยู่กับสัตว์เลี้ยงตามลำพังในแต่ละวันด้วย ควรให้เวลากับสัตว์เลี้ยงเหมือนกับเป็นพี่คนโตของลูก เพื่อให้สัตว์เลี้ยงไม่รู้สึกว่าถูกทอดทึ้งและทำร้ายลูก

5. เล่นกับสัตว์เลี้ยงเหมือนกับที่ทารกทำ

ก่อนพาลูกกลับบ้าน อีกหนึ่งสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำให้สัตว์เลี้ยงคุ้นเคยคือ การเล่นหรือสัมผัสแบบเด็กเล็ก เช่น จับ ตี ตะปบ หรือทุบตามประสาเด็ก เพื่อให้สัตว์เลี้ยงคุ้นชินกับการถูกแตะต้องในจุดต่างๆ เช่น ระหว่างอุ้งเท้า หน้า หาง ท้อง ในหู และปาก

เริ่มฝึกจากการจับจุดเหล่านี้เบาๆ และลองให้ขนมควบคู่กับการฝึกทุกครั้ง เพื่อให้สัตว์เลี้ยงให้ความร่วมมือ

6. ผูกมิตรระหว่างลูกและสัตว์เลี้ยง

สร้างความประทับใจแรกให้กับลูกและสัตว์เลี้ยง เมื่อคุณแม่กลับมาจากโรงพยาบาลให้เข้าไปทักทายสัตว์เลี้ยงด้วยท่าทางใจดีและผ่อนคลาย จากนั้นให้จูงสัตว์เลี้ยงด้วยสายจูงให้เข้าไปนั่งใกล้ลูก ดมกลิ่นตัวลูก ให้รางวัลและพูดชมเมื่อสัตว์เลี้ยงทำตัวน่ารัก อย่าลืมสังเกตภาษากายของสัตว์เลี้ยงด้วยว่ารู้สึกดีกับสมาชิกใหม่หรือไม่

อย่างไรก็ตามควรใส่สายจูงสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหากไม่ถูกใจ ขู่จะทำร้าย หรือหวาดกลัวสมาชิกใหม่จะได้ห้ามทัน การฝึกควรทำซ้ำ 2-3 ครั้ง และปล่อยให้สัตว์เลี้ยงไปพัก แล้วค่อยกลับมาฝึกต่อจนสัตว์เลี้ยงคุ้นเคย

นอกจากนี้ยังสร้างความผูกพันให้ลูกและสัตว์เลี้ยงด้วยการ ให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สนใจสัตว์เลี้ยงเมื่อลูกนอนหลับ สัตว์เลี้ยงจะรู้สึกเบื่อที่ไม่ได้รับความสนใจ แต่ในทางกลับกัน เมื่อทารกตื่นและพร้อมจะเล่น ให้ชวนสัตว์เลี้ยงเข้ามาเล่น มานั่งด้วยใกล้ๆ สัตว์เลี้ยงจะรู้สึกว่าเวลามีสมาชิกใหม่ในบ้าน เป็นเวลาที่สนุกและมีความสุข

และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับลูก อย่าพยายามบังคับให้สัตว์เลี้ยงเข้าใกล้ลูก และให้อยู่ในสายตาของคุณพ่อคุณแม่ตลอดเวลา

7. พาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์ เพื่อฉีดวัคซีนและทำหมัน

อย่าลืมพาสัตว์เลี้ยงไปหาสัตวแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนตามกำหนด โดยเฉพาะวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า และการให้สัตวแพทย์ทำหมันสัตว์เลี้ยง ช่วยให้สัตว์เลี้ยงสงบขึ้นและกัดน้อยลง เป็นประโยชน์เมื่อทารกเล่นกับสัตว์เลี้ยงแรงไป

อ้างอิง
Th.theasianparent
Dogilike
Maerakluke
Youtube