READING

สรุป 5 สิ่งที่พ่อแม่ควรตระหนัก จากข่าวศูนย์เด็กเล็...

สรุป 5 สิ่งที่พ่อแม่ควรตระหนัก จากข่าวศูนย์เด็กเล็กให้เด็กถอดเสื้อผ้าแข่งกีฬาสี

กิจกรรมแข่งขันแต่งตัว

กลายเป็นประเด็นที่ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดในกลุ่มคุณพ่อคุณแม่ และชาวเน็ต ในกรณีที่คุณพ่อของเด็กหญิงวัยสี่ขวบในศูนย์เด็กเล็กแห่งหนึ่งแสดงความไม่เห็นด้วยที่คุณครูพาลูกสาวของตนขึ้นเวทีและถอดเสื้อผ้า เพื่อเข้าร่วม กิจกรรมแข่งขันแต่งตัว ต่อหน้าผู้ชมนับร้อย

violation_web_1

หลังจากเรื่องราวได้เผยแพร่ ก็มีผู้คนออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย โดยจะแบ่งเป็นฝ่ายที่ไม่พอใจและไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมนี้ เนื่องจากมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิเด็ก ในขณะที่พ่อแม่และผู้ปกครองของเด็กๆ จากศูนย์เด็กเล็กเดียวกัน กลับมองว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนานและเสริมทักษะให้เด็กๆ รู้จักช่วยเหลือตัวเองได้

ในฐานะที่ M.O.M เห็นความสำคัญของการเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม และให้ความเคารพสิทธิของเด็กๆ ทุกคน เราจึงอยากสรุปข้อคิดที่ได้จากข่าวดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อเตือนสติผู้ใหญ่ทุกคน ให้ตระหนักและคิดทบทวนการทำอะไรที่อาจส่งผลต่อสิทธิ และสภาพจิตใจของเด็กๆ ดังนี้

1. สิทธิเด็กเป็นสิ่งสำคัญ

violation_web_2

คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ควรเรียนรู้และให้ความสำคัญกับสิทธิในร่างกายลูกเป็นอันดับแรก เพราะเด็กทุกคนต่างก็มีสิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครองจากคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครอง การปล่อยให้ลูกเปลือยกาย หรือถูกทำให้อับอายในที่สาธารณะจึงถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ก็คือต้องปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวและคำนึงถึงความปลอดภัยของลูก และรีบพาลูกออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจให้เร็วที่สุด

2. กิจกรรมเพื่อเสริมทักษะ ต้องมาในรูปแบบที่สร้างสรรค์และรัดกุม

violation_web_3

ถึงแม้ว่าการแข่งกันแต่งตัวด้วยตัวเองจะถือเป็นกิจกรรมเสริมทักษะการช่วยเหลือตนเอง แต่กติกาและการเตรียมตัวเรื่องการแต่งกายเพื่อลงแข่งก็จำเป็นต้องควรมีความรัดกุมและปลอดภัยต่อเด็กๆ รวมถึงจำเป็นต้องให้ความรู้เรื่องการปกป้องตัวเองจากการถูกล่วงละเมิด และสถานที่ที่ควรแต่งกายในชีวิตจริง

หากผู้ใหญ่ไม่คิดทบทวนเกี่ยวกับกิจกรรมของเด็กๆ ให้ดี กิจกรรมที่มีประโยชน์ก็อาจส่งผลเสียกับเด็กๆ ได้

3. อันตรายที่มองไม่เห็น

violation_web_4

ปัจจุบันมีข่าวมากมายเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน ซึ่งในสังคมมีคนประเภทหนึ่งที่เกิดอารมณ์ทางเพศกับเด็ก หรือที่เราเรียกกันว่า “โรคใคร่เด็ก (Pedophilia)” แม้จะเป็นงานเล็กๆ ที่มีแต่คุณพ่อคุณแม่ คุณครู และบุคลากรในโรงเรียน แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเกิดอันตรายกับเด็กได้

และเมื่อภาพของเด็กๆ ถูกเผยแพร่ลงบนโซเชียลมีเดียและถูกพบเห็นมากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่จะเกิดอันตราย และกลายเป็นดิจิทัลฟุตพรินต์ที่เด็กๆ ไม่เต็มใจต่อไปในอนาคต

4. การแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์

violation_web_5

จะเห็นได้ว่าจากโพสของผู้ปกครองที่ได้ออกมาแสดงความไม่สบายใจนั้น มีผู้คนมาร่วมแสดงความคิดเห็นมากมาย ซึ่งมีทั้งผู้ที่เลือกใช้ภาษาอย่างสร้างสรรค์ วิพากย์วิจารณ์ด้วยเหตุผล และผู้ที่ใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ หยาบคาย และใช้อารมณ์เป็นหลัก

คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการสอนให้ลูกเรียนรู้มารยาทของการแสดงความคิดเห็นลงบนอินเทอร์เน็ต แยกแยะความคิดเห็นที่มีประโยชน์ และข้อความที่ไม่ควรให้ค่า เพราะเราไม่สามารถกีดกั้นลูกจากการรับรู้ข่าวสารในอินเทอร์เน็ตได้ แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกัน และสอนการใช้สอนให้ใช้โซเชียลมีเดียอย่างเหมาะสมให้ลูกได้

5. ถกเพื่อแก้ปัญหา ไม่ใช่ถกเพื่อเถียง

violation_web_6

ทุกคนต่างก็มีความคิดของตัวเอง เรามีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็น คนอื่นก็เช่นกัน ดังนั้นการถกประเด็นเพื่อให้เกิดประโยชน์ คือการร่วมกันหาหนทางการแก้ปัญหานั้นๆ ไม่ใช่การถกเถียงกันเพื่อความสนุก หรือตัดสินว่าความคิดของผู้อื่นผิด หากทุกคนช่วยกันระดมความคิดหาทางออก สังคมเราจะน่าอยู่ขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

อ้างอิง
Thairath

PITTAYARAT CH.

พิทยารัตน์ ชูพล: เด็กผู้หญิงผู้รับบทบาทลูกสาวคนเล็ก ที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรักเเละความใส่ใจจากคุณแม่ จนมีความใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะมอบความรักอันยิ่งใหญ่แบบนี้ให้ใครสักคนบ้าง

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST