READING

ให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง: 5 เทคนิคเพิ่มความฉลาดให้ล...

ให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง: 5 เทคนิคเพิ่มความฉลาดให้ลูกโดยไม่ต้องรอคลอด

ให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง

นอกจากร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ถ้าเป็นไปได้คุณพ่อคุณแม่ย่อมอยาก ให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง โดยเฉพาะคุณแม่ ทันทีที่รู้ว่าจะมีเจ้าตัวเล็กอยู่ในท้อง นอกจากตื่นเต้นดีใจแล้ว คุณแม่ทุกคนก็อยากจะเตรียมความพร้อมให้ลูกที่กำลังจะเกิดมาได้เติบโตมาเป็นเด็กที่แข็งแรงสมบูรณ์ทุกด้าน

ความฉลาด หมายถึงความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหา ซึ่งสัมพันธ์กับการทำงานของสมองโดยตรง ซึ่งปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความฉลาด หรือประสิทธิภาพของสมองมี 3 ประการ ได้แก่ กรรมพันธุ์ สุขภาพและการดูแลอาหารการกินของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์และสุขอนามัยลูกหลังคลอด และสุดท้ายคือการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อม ดังนั้น ไม่ต้องรอให้ลูกคลอด คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถกระตุ้น ให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง ได้เช่นกัน

Katie Friedman กุมารแพทย์ในฟลอริดากล่าวว่า “เรากลายเป็นแม่ตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ ดังนั้นการเลือกสิ่งต่างๆ ในชีวิตของเราจะส่งผลต่อพัฒนาการและการเจริญโตของลูกในท้องอย่างแน่นอน” นั่นหมายความว่า หากต้องการกระตุ้น ให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง คุณแม่ต้องพิถีพิถันและคัดสรรแต่สิ่งดีๆ ให้ตัวเองเพื่อผลดีต่อลูกในระยะยาว

1. ออกกำลังกาย

BabySmarter_web_1

การออกกำลังกายทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟิน หรือสารแห่งความสุข เป็นสารที่เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและกระตุ้นพัฒนาการของลูก ปกติแล้วคุณแม่ท้องสามารถเต้นแอโรบิก หรือเล่นโยคะเบาๆ โดยไม่หักโหมเกินไปได้ แต่ถ้าคุณแม่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนการตั้งครรภ์ ควรได้เข้ารับคำแนะนำจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

2. พูดคุยและอ่านหนังสือให้ลูกฟัง

BabySmarter_web_2

งานวิจัยระบุว่าการพูดคุยหรืออ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่ในท้อง จะช่วยพัฒนาอารมณ์และทักษะด้านการสื่อสารของลูกได้ดี ยิ่งไปกว่านั้น การพูดคุยกับลูกในท้องบ่อยๆ ยังส่งเสริมเรื่องการใช้ภาษาและความจำที่ดีให้กับลูกได้

งานศึกษามากมายที่แสดงให้เห็นว่า ทารกสามารถจดจำเสียงของคุณแม่ได้ตั้งแต่แรกคลอด ดังนั้นการพูดคุยและอ่านหนังสือให้ลูกในท้องฟังบ่อยๆ จะช่วยให้ลูกรู้สึกคุ้นเคยกับคุณพ่อคุณแม่ ปลอบประโลมให้ลูกรู้สึกปลอดภัย ซึ่งเป็นผลดีต่อการพัฒนาสมองได้

3. หลีกเลี่ยงสารเคมีและสารเสพติด

BabySmarter_web_3

คุณแม่ควรอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ควรอยู่ใกล้โรงงานหรือสถานที่ที่ปล่อยควันและสารพิษเป็นเวลานาน ถ้าเป็นไปได้ คุณแม่ควรเลี่ยงการทำความสะอาดบ้านด้วยการใช้น้ำยาถูพื้น น้ำยาล้างห้องน้ำ หรือน้ำยาอื่นๆ ที่มีส่วนผสมของสารเคมีอันตราย

และยิ่งไปกว่านั้น คุณแม่ต้องงดบุหรี่ แอลกอฮอล์หรือสารเสพติดอื่นๆ ขณะตั้งครรภ์ เพราะมีโอกาสที่สารเสพติดจะทำลายสมองของลูกทำให้ลูกมีไอคิวต่ำ สมาธิสั้น อารมณ์ร้อน จนไปถึงการทำให้อาจเกิดมาพิการได้เลยทีเดียว

4. ใส่ใจเรื่องการกินอาหาร

BabySmarter_web_4

อาหารการกินเป็นเรื่องสำคัญของคุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ควรดื่มน้ำเยอะๆ เน้นรับประทานปลาและไข่ ที่มีส่วนช่วยให้ลูกมีความจำดี มี IQ สูง รวมถึงการกินอาหารที่มีกรดโฟลิก (folic acid) สูง เช่น ผักโขม บร็อกโคลี อะโวคาโด ฟักทอง ซึ่งช่วยให้ลูกมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ เสริมโครงสร้างเซลล์สมองของลูก และหากคุณแม่ต้องการกินอาหารเสริมหรือวิตามินอื่นๆ เพิ่มเติม ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป จนอาจเป็นอันตรายกับลูกได้นะคะ

5. จัดการกับความเครียด

BabySmarter_web_5

มีผลงานวิจัยมากมายยืนยันว่า ความเครียดและวิตกกังวลของคุณแม่ตั้งครรภ์ จะส่งผลต่อความเครียดของลูกได้ ในทางตรงข้ามหากคุณแม่อารมณ์ดีและมีความสุข ลูกที่เกิดมาก็จะเป็นเด็กอารมณ์ดีและสุขภาพจิตดีตามไปด้วย

นอกจากนั้นความเครียดของคุณแม่ยังมีผลต่อพัฒนาการของลูก เช่น ทำให้ลูกที่เกิดมามีน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ มีความเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนด ดังนั้นระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่ควรรับมือและจัดการความเครียดด้วยการหากิจกรรมที่ผ่อนคลาย พยายามรักษาจิตใจตัวเองให้ปกติและมีความสุขอยู่เสมอนะคะ

อ้างอิง
The Bump
Very Well Family

PITTAYARAT CH.

พิทยารัตน์ ชูพล: เด็กผู้หญิงผู้รับบทบาทลูกสาวคนเล็ก ที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรักเเละความใส่ใจจากคุณแม่ จนมีความใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะมอบความรักอันยิ่งใหญ่แบบนี้ให้ใครสักคนบ้าง

COMMENTS ARE OFF THIS POST