คุณพ่อคุณแม่เคยสังเกตเห็นลูกกระพริบตาบ่อยๆ หรือมีอาการตากระตุกซ้ำๆ จนทำให้คิดได้ว่าลูกจะมีอาการผิดปกติทางสายตาบ้างหรือเปล่าคะ
ที่จริงแล้วอาการกระพริบตาบ่อยๆ หรือตากระตุกซ้ำๆ ติดๆ กัน เป็นหนึ่งในอาการของ โรค Tics (โรคติกส์) ที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับภาวะเครียดทางจิตใจ มีผลกระทบต่อการปรับตัวทางสังคมของเด็ก และพบร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ย้ำคิดย้ำทำ ซนผิดปกติ ขาดสมาธิ ขาดการยับยั้งชั่งใจ เหมือนเด็กที่มีอาการของโรคสมาธิสั้น และอาจส่งผลให้มีปัญหาด้านการเรียนร่วมด้วย
อาการของ’ โรค Tics ‘
Tics หรืออาการกระตุก เป็นโรคที่เกิดจากการทำงานของสมองบกพร่อง ร่วมกับปัจจัยด้านความเครียด คำว่า Tics หมายถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หรือการเปล่งเสียงที่เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด และเป็นซ้ำ โดยไม่ตั้งใจ พบบ่อยในเด็กวัย 7-11 ปี
อาการของโรคคือเด็กจะมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกเป็นพักๆ ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณกล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น กล้ามเนื้อที่ดวงตา มุมปาก และต้นคอ ทำให้มีอาการตาขยิบบ่อยๆ มุมปากกระตุก หรือคอกระตุกบ่อยผิดปกติ
นอกจากนั้นอาการยังอาจจะมาในรูปกิริยาแปลกๆ เช่น อาการจมูกฟุดฟิด สูดจมูก สูดปาก กระแอม ไอ รวมทั้งส่งเสียงประหลาด เช่น เห่า หรือร้องเป็นคำซ้ำๆ
Tics แบ่งได้ 3 ประเภท ตามระดับความรุนแรง
• โรคติกส์ชั่วคราว (Transient Tics) ระดับความรุนแรงน้อยที่สุด ส่วนใหญ่จะพบตั้งแต่วัยอนุบาลหรือประถมต้น แต่จะพบมากที่สุดในเด็กอายุ 7-11 ปี มีอาการเป็นระยะเวลานานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน แล้วจะหายได้เอง แต่อาจจะกลับมาเป็นซ้ำ และเปลี่ยนรูปแบบไป เช่น ครั้งแรกมีอาการขยิบตา พอเป็นครั้งที่สองเปลี่ยนเป็นกระตุกมุมปากแทนได้
• โรคติกส์เรื้อรัง (Chronic Tics) ระดับความรุนแรงมากขึ้น อาการจะเป็นเหมือนชนิดชั่วคราว แต่จะเป็นติดต่อกันนานเกิน 1 ปี ไม่หายไปง่ายๆ บางคนเป็นจนโตหรือเป็นตลอดชีวิต
• โรคทูเรตต์ (Tourett’s Syndrome) เป็นติกส์ระดับรุนแรงที่สุด เด็กที่เป็นโรคทูเรทท์ นอกจากจะมีการกระตุกของกล้ามเนื้อมัดเล็กและยังมีการกระตุกของกล้ามเนื้อมัดใหญ่เช่น ที่แขน หลัง ท้อง จนดูเหมือนคนที่มีเคลื่อนไหวแปลก เช่น สะดุ้งทั้งตัว สะบัดแขน ตีปีก และขว้างของ โดยการกระตุกจะย้ายไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น จากไหล่ ย้ายไปแขนขวา แล้วย้ายไปที่หลัง ก็เป็นได้
นอกจากอาการกระตุกของกล้ามเนื้อแล้ว โรคทูเรตต์จะยังมีอาการเปล่งเสียง (Vocal Tics) ร่วมด้วย และอาการทั้งหมดจะเป็นนานเหมือนกับติกส์ชนิดเรื้อรัง (เกิน 1 ปี)
เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ทราบอย่างนี้แล้ว ควรหมั่นสังเกตว่าลูกมีอาการเหล่านี้หรือไม่และมาดูกันว่าควรทำอย่างไร
1. พาไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ทางการแพทย์เชื่อว่า Tics เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งพันธุกรรม ชีวภาพ และจิตใจ ทำให้กล้ามเนื้อมีความไวเป็นพิเศษ และกล้ามเนื้อกระตุกได้ง่าย ซึ่งปัจจัยทางจิตใจนั้นสำคัญมาก เพราะอาการจะเริ่มพร้อมๆ กับเวลาที่เกิดความตึงเครียดในสภาพแวดล้อมของเด็ก
เมื่อลูกเริ่มมีอาการควรพาไปพบกุมารแพทย์หรือจิตแพทย์เด็ก เพื่อตรวจและให้การวินิจฉัยที่แน่นอน
2. ไม่ควรแสดงความกังวล หรือจับจ้องเฝ้ามองลูกเวลามีอาการ
เพราะจะทำให้ลูกยิ่งเครียดและเกิดอาการกระตุกมากขึ้น แล้วชวนลูกทำอะไรให้เพลิดเพลินเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
3. ไม่ควรดุด่าเมื่อลูกมีอาการ
บางครั้งพ่อแม่ก็ก่อให้เกิดความตึงเครียดโดยไม่รู้ตัว โดยการดุลูก หรือพยายามห้ามไม่ให้ลูกมีอาการกระตุกกล้ามเนื้อต่อหน้าคนอื่น แต่ความจริงแล้วอาการกระตุกเกิดขึ้นโดยที่ลูกไม่ได้แกล้งทำ บางครั้งลูกอาจพยายามควบคุมได้แค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่การกดดันหรือออกคำสั่งจะยิ่งทำให้ลูกเครียดและแสดงอาการมากขึ้นต่อไปได้
4. สอนให้ลูกภาคภูมิใจในตนเอง
คุณพ่อคุณแม่ควรทำให้ลูกมองเห็นข้อดีของตัวเอง โดยการส่งเสริมความสามารถด้านอื่นๆ เช่น ศิลปะ ดนตรี กีฬา หรืออะไรก็ตามที่ลูกถนัด เพราะความรู้สึกนี้จะช่วยเยียวยาลูกจากความรู้สึกแย่ ทำให้ลูกมีกำลังใจและเห็นคุณค่าตัวเองมากขึ้น
COMMENTS ARE OFF THIS POST