คุยกับลูกเรื่องการยินยอม (Consent)

ปัญหาการล่วงละะเมิดไม่ว่าจะเป็นร่างกายและจิตใจผู้อื่น กำลังเป็นหนึ่งในประเด็นที่สังคมทั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ หลายประเทศเริ่ม

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ (sexual harassment) และการยินยอมพร้อมใจ (consent) กำลังเป็นที่สนใจในฐานะประเด็นที่สังคมควรให้ความสนใจ หลายประเทศเริ่มผลักดันให้มีการสอนเกี่ยวกับเรื่องการยินยอม (consent) ในชั้นเรียนมากขึ้น

ปี 2018 ประเทศอังกฤษได้เพิ่มการสอนเรื่องการยินยอมพร้อมใจเข้าไปในการเรียนการสอนเพศศึกษา ให้กับเด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถม (ตั้งแต่อายุ 4 ปี ขึ้นไป) เพื่อให้เด็กๆ เข้าใจถึงสิทธิ์ในร่างกายของตัวเอง เด็กๆ จะสามารถปกป้องตัวเองได้อย่างไร รวมถึงปลูกฝังความเคารพในร่างกายของผู้อื่น ซึ่งคาดหวังว่าจะช่วยลดปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปได้ (ที่มา)

ถึงแม้โรงเรียนและการเรียนการสอนในชั้นเรียนของประเทศไทยอาจจะยังไม่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับการยินยอมพร้อมใจโดยตรง แต่เรื่องอย่างนี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนและปลูกฝังให้ลูกๆ เข้าใจได้ ด้วยวิธีการที่เรารวบรวมมานะคะ

1. เป็นตัวอย่างที่ดีของการยินยอม

Consent_web_1

จะสอนให้ลูกเข้าใจเรื่องอะไรได้ดีที่สุด คงไม่พ้นการที่คุณพ่อคุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้เห็น เพราะลูกจะจดจำและซึมซับพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ได้ง่ายที่สุด

ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีในที่นี้คือการเคารพร่างกายของลูก รวมถึงแสดงออกให้สมาชิกในครอบครัวคนอื่นเข้าใจ เช่น เมื่อถึงวัยหนึ่ง หากต้องการกอดหรือหอมลูก ไม่ควรใช้วิธีจู่โจมหรือทำโดยพลการ แต่ควรใช้วิธีขออนุญาตหรือถามความสมัครใจของลูกก่อนทุกครั้ง

2. เพิ่มความมั่นใจให้ลูกกล้าพูดคำว่า ‘ไม่’ ด้วยตัวเอง

Consent_web_2

คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้ว่า เราทุกคนล้วนเป็นเจ้าของร่างกายตัวเอง ดังนั้น แม้ลูกจะเป็นเด็ก แต่ลูกก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ เมื่อรู้สึกไม่พอใจหรือไม่เต็มใจให้ใครคนอื่นมาแตะต้องหรือสัมผัสตัว

รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เป็นคนตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกายตัวเอง เช่น เมื่อมีคนเข้ามาขอกอดหรือหอมแก้ม ลองให้ลูกได้เป็นคนตัดสินใจว่าจะอนุญาตหรือไม่ และเคารพในการตัดสินใจของลูก จะเป็นการช่วยให้ลูกมีความมั่นใจมากขึ้น เมื่อต้องปฏิเสธหรือไม่ยินยอมให้ใครมาละเมิดร่างกายของเขาได้

3. สอนให้ลูกรู้ว่าการแสดงความรักนั้นมีหลายวิธี

Consent_web_3

เด็กๆ ส่วนมากมักจะแสดงความรักด้วยวิธีที่พวกเขาคุ้นเคยและได้รับจากพ่อแม่ นั่นก็คือการกอด จูบ หอมแก้ม และจับมือ

แต่เมื่อนำวิธีเดียวกันนี้ไปใช้แสดงออกกับเพื่อนหรือบุคคลอื่น อาจได้รับการตอบสนองที่ไม่ดีได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรที่จะสอนให้ลูกเรียนรู้วิธีการแสดงความรักในรูปแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่การสัมผัสร่างกายของคนอื่น เช่น การพูดบอกด้วยปากเปล่า การเขียนการ์ดบอกรัก หรือการแบ่งของเล่นให้เล่นด้วยกัน จะช่วยให้ลูกรู้จักเลือกใช้วิธีแสดงความรักได้เหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น

4. ทำลายมาตรฐานที่ไม่เท่ากันของเพศหญิงและชาย

Consent_web_4

โดยทั่วไป เราอาจคุ้นเคยว่าการยินยอมนั้น เป็นเรื่องของผู้หญิงที่ต้องรู้จักเป็นฝ่ายปฏิเสธและปกป้องตัวเอง ในขณะที่ผู้ชายอาจจะมองข้ามและหละหลวมในการระมัดระวังตัวเองมากกว่า

ทางที่ดี คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจกับลูกว่าไม่ว่าจะเพศหญิงหรือชาย ต่างก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองและให้เกียรติคนอื่นเท่าเทียมกัน เช่น ถ้าเด็กผู้หญิงหอมแก้มเด็กผู้ชายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็เป็นเรื่องไม่สมควรเท่ากับเด็กผู้ชายเป็นฝ่ายหอมแก้ม เพื่อทำลายมาตรฐานทางเพศที่ไม่เท่าเทียมกัน และสอนให้ลูกเคารพและให้เกียรติร่างกายของทุกคน ไม่ว่าจะเพศอะไรก็ตาม

5. อธิบายว่าการยินยอมพร้อมใจหมายถึงอะไร

Consent_web_5

สุดท้าย คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกเข้าใจความหมายของการยินยอมพร้อมใจอย่างแท้จริง เช่น สอนให้ลูกเห็นความแตกต่างของการหอมแก้มที่เกิดขึ้นจากความเต็มใจ ลูกจะไม่รู้สึกอึดอัดหรือลำบากใจ ในขณะเดียวกัน บางครั้งลูกอาจไม่กล้าที่จะปฏิเสธโดยตรง แต่การหอมแก้มนั้นก็ทำให้ลูกรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ นั่นเป็นเพราะว่าลูกไม่ได้ยินยอมพร้อมใจให้เกิดขึ้น ดังนั้นครั้งต่อไปลูกจึงควรที่จะกล้าปฏิเสธด้วยตัวเอง หรือหาทางบอกพ่อแม่ให้ช่วยเหลือได้

รวมถึงลูกไม่ควรคาดเดาเอาเองว่าคนอื่นยินยอม จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจริงๆ เช่น การที่เพื่อนไม่ว่าที่ลูกเข้าไปโอบกอด ไม่ได้แปลว่าเพื่อนรู้สึกดีหรือเต็มใจกับพฤติกรรมนั้นๆ

ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร การปฏิบัติตัวกับคนอื่นต้องมีพื้นฐานมาจากการให้ความสำคัญกับการยินยอมพร้อมใจ (consent) ก่อนเสมอนะคะ

อ้างอิง
fatherly
verywellfamily
healthline
gse

Anittha R

หลงรักธรรมชาติของความเป็นเด็ก ชอบดูหนัง ชอบหนังสือนิทาน รักการเลี้ยงต้นไม้ และใฝ่ฝันอยากทำสวนกระบองเพรชที่มีดอกเยอะๆ

COMMENTS ARE OFF THIS POST