การร้องไห้ของเด็กเกิดได้จากหลายสาเหตุ และเหตุผลของการร้องไห้ก็มักจะแตกต่างกันไปตามช่วงวัยของเด็ก เช่น การร้องไห้ของเด็กทารกอาจเกิดจากความหิว รู้สึกไม่สบายตัว เจ็บป่วย หนาวหรือร้อนเกินไป เมื่อโตขึ้นอีกนิด การร้องไห้เด็ก อาจมาจากความต้องการแสดงออกทางความรู้สึก เช่น รู้สึกโกรธ ไม่พอใจ หรือรู้สึกกลัว

1. “หนูกับพ่อแม่เป็นทีมเดียวกัน เราจะช่วยกันนะ”

ถ้าลูกร้องไห้เพราะความรู้สึกเสียใจ น้อยใจ หรือรู้สึกต้องการความเข้าใจจากคุณพ่อคุณแม่ การพูดกับลูกอย่างอ่อนโยนว่าพวกเราเป็นทีมเดียวกัน ลูกไม่ต้องกลัว เพราะเราจะคอยช่วยกันเสมอ จะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่น ไม่รู้สึกว่ากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างโดดเดี่ยว

2. “แม่กับพ่อเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยากจริงๆ สำหรับหนู”

การบอกลูกว่าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจสถานการณ์หรือเหตุผลที่ลูกร้องไห้ แทนที่จะรีบบอกให้ลูกหยุดร้องไห้ จะทำให้ลูกกล้าแสดงความรู้สึกอื่นๆ ของตัวเองออกมา กล้าพูด ปรึกษา หรือขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อคุณแม่เพื่อหาทางออกร่วมกัน

3. “มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า (น่าผิดหวัง) จริงด้วย”

การบอกว่าคุณเข้าใจและเห็นด้วยกับความรู้สึกของลูก เป็นการแสดงออกเพื่อให้ลูกยอมรับความจริงที่ว่าบางอย่างก็ไม่สามารถได้ดั่งใจหรือถูกใจลูกทุกอย่าง เป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกจะต้องผิดหวังบ้าง หรือรู้สึกเศร้าบ้าง แต่สิ่งที่ดีคือการยอมรับความจริงต่างหาก

4. “ไปพักกันหน่อยนะ”

ถ้าลูกร้องไห้หนักและต่อเนื่องอย่างยาวนาน คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกออกจากสถานที่เกิดเหตุ ใช้วิธีเชิญชวนด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เราไปพักกันหน่อยเนอะ” พร้อมกับพาเขาไปอยู่ในที่เงียบสงบ และให้เวลากับลูกสักหน่อย

5. “แม่เห็นลูกร้องไห้ แต่แม่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หนูช่วยบอกให้แม่เข้าใจได้ไหมคะ”

ถ้าจู่ๆ ลูกก็ร้องไห้ขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณพ่อคุณแม่สามารถพูดประโยคที่แสดงออกให้ลูกรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่มองเห็นความรู้สึกของลูก และไม่ได้เพิกเฉย แต่ถ้าลูกต้องการความช่วยเหลือ ก็ควรจะบอกเหตุผลที่ร้องไห้ออกมาให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจบ้าง

6. “แม่กับพ่อรักลูกนะ”

บางครั้งการปลอบโยนที่ดีที่สุดอาจไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรมาก เมื่อลูกร้องไห้ แค่คุณพ่อคุณแม่โอบกอด ลูบหัวลูกเบาๆ และบอกรัก เมื่อลูกรู้สึกได้รับความรัก ความอบอุ่น และความรู้สึกปลอดภัยจากคุณพ่อคุณแม่ ก็จะช่วยให้ลูกหยุดร้องไห้ได้เร็วขึ้นค่ะ

อ้างอิง
gozen
happinessishereblog
popsugar