คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่าในหนึ่งวัน เด็กๆ ได้รับคำตอบในแง่ลบเฉลี่ยวันละ 432 ครั้ง และคำตอบแง่บวกเพียงแค่ 32 ครั้ง (อ้างอิงจากหนังสือ Redirecting Children’s Behavior ของ Kathryn J. Kvols)
เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ใหญ่มักใช้การห้ามและการปฏิเสธ เพื่อที่จะบอกให้เด็กๆ รู้ว่าเขาไม่ควรทำอะไร แต่รู้หรือไม่ว่า การพูดคำว่า ‘ไม่ อย่า และห้ามทำ’ อาจเกิดปัญหากับเด็กๆ ตามมาได้อีกมากมาย
1. ทำให้เด็กต้องประมวลผลซับซ้อน
เมื่อคุณพูดว่า ‘ห้ามทำ’ เด็กก็จะคิดว่าถ้าสิ่งนั้นคือสิ่งที่แม่ไม่อยากให้ทำ แล้วแม่อยากให้ทำอะไรกันแน่ สำหรับเด็กเล็กแล้ว การออกคำสั่งลักษณะนี้ถือเป็นการทำให้ลูกต้องใช้ความคิดซับซ้อน
2. ทำให้เกิดพฤติกรรมในแง่ลบ
แทนที่ลูกจะได้ยินและเข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้เขาทำอะไร ลูกกลับถูกทำให้นึกถึงและจดจำแต่สิ่งที่ไม่ควรทำ แล้วคุณคิดว่าต่อไปลูกจะจำสิ่งไหนได้มากกว่ากัน
3. ทำให้หมดกำลังใจ
ถ้าทุกครั้งที่คุณลงมือทำอะไร แต่ร้อยละ 93 ของคำตอบที่คุณได้รับกลับเป็นไปในแง่ลบ คุณก็ย่อมรู้สึกท้อแท้ …เด็กก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน
กลยุทธ์เปลี่ยนคำว่า ‘ไม่’ เป็น ‘ใช่’
1. ให้บอกสิ่งที่ควรทำแทนการห้ามว่าอย่าทำอะไร
แทนที่จะพูดว่า “อย่าวิ่งในบ้าน” คุณแม่ลองเปลี่ยนเป็นพูดว่า “หนูควรค่อยๆ เดินในบ้าน” หรือ “ห้ามนั่งที่พื้น มันสกปรก” ลองเปลี่ยนเป็น “แม่ว่านั่งบนเก้าอี้จะดีกว่านะลูก”
2. หาโอกาสที่จะพูดว่า ‘ใช่’ ก่อนคำว่า ‘ไม่ใช่’ เสมอ
ตัวอย่างเช่น ถ้าลูกถามว่า “เย็นนี้ไปวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะได้ไหม” แทนที่จะตอบว่า ‘ไม่ได้’ ลองเปลี่ยนเป็นตอบลูกว่า “ได้เลย สวนสาธารณะน่าไปมาก แต่ถ้าเย็นนี้แม่ไม่ว่าง เราไปกันพรุ่งนี้เช้าได้มั้ยคะ”
หรืออีกตัวอย่าง ถ้าลูกชวนคุณออกไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า แทนที่คุณแม่จะปฏิเสธว่า “เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าหนูไม่เก็บของเล่นให้เรียบร้อย” ลองเปลี่ยนเป็น “ได้เลยจ้ะ ถ้าหนูเก็บของเล่นเสร็จเมื่อไหร่ เราก็จะไปห้างกัน” ซึ่งการตอบทั้งสองแบบนี้ ผลสุดท้ายก็คือการที่ลูกต้องเก็บของเล่นอยู่ดี แต่เด็กจะรู้สึกดีกว่าเมื่อได้ยินประโยคคำตอบเชิงบวก แทนที่จะโดนปฏิเสธอยู่เสมอ
ลองเอาวิธีนี้ไปใช้กับลูกกันนะคะ
NO COMMENT