The Rookie Mom เอพิโสดนี้ แม่นิดนกเอาประเด็นที่ตัวเองเพิ่งโดนตั้งคำถามในการสัมภาษณ์ล่าสุด มาขยายความและคุยให้ฟังกันยาวๆ

• เริ่มที่คำถามที่ว่า คิดยังไงกับการที่สื่อให้ความสำคัญกับการนำเสนอข่าวเรื่องรูปร่างของคุณแม่ดาราหลังคลอด จนดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วว่า เมื่อดาราสักคนตั้งท้อง เราสามารถคาดหวังได้ว่าเขาจะต้องดูแลรักษาหุ่นให้สวยเป๊ะไปได้จนถึงหลังคลอด และตามมาด้วยการตั้งความหวังต่อตัวเอง ว่าจะต้องทำให้ได้อย่างนั้น

ก่อนคลอด

• แม่นิดนกออกตัวว่า ตัวเองไม่ได้เป็นคนสนใจเรื่องความสวยความงามมากนัก ตอนที่ตั้งท้องสิ่งที่กังวล จึงเป็นเรื่องพื้นฐานที่คิดว่าคนท้องทั่วไปน่าจะกังวลและให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว ได้แก่

◦ น้ำหนักตัว เพราะมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของตัวเองและลูก

◦ โรค คุณหมอบอกว่าคนท้องคือคนที่มีสภาพร่างกายที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยตลอดเวลา เช่น พออายุครรภ์ 6-7 เดือน ต้องตรวจเบาหวาน เพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้มีโอกาสเกิดเบาหวานได้

◦ ความสวยงาม สิ่งที่คุณแม่มักจะกังวลคือเรื่องริ้วรอย เพราะมักจะโดนขู่ว่าหลังคลอดหน้าท้องจะแตกลาย ซึ่งตัวเองก็เคยเห็นหน้าท้องที่แตกลายของคุณแม่มาก่อนแล้วรู้สึกว่ามันน่ากลัว ตอนท้องแม่นิดนกก็เลยใช้น้ำมันมะพร้าวทา และหน้าท้องก็ไม่แตกลายเลยจริงๆ

◦ สุดท้ายที่กังวลก็คือสุขภาพร่างกายอื่นๆ เช่น การไปหาหมอฟัน แม่นิดนกเคยไปอุดฟันตอนท้องแล้วรู้สึกว่า การไปนอนหงายเพื่อทำฟันนานๆ ทั้งที่ท้องโตอยู่ มันไม่ใช่เรื่องสะดวกสบายนัก รวมไปถึงการหกล้ม หรือเป็นแผลต่างๆ ที่ทำให้ต้องไปโรงพยาบาลก็เป็นเรื่องที่ควรเลี่ยงให้ได้ทั้งสิ้น

หลังคลอด

แม่แต่ละคนอาจจะให้น้ำหนักกับแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน แต่สำหรับแม่นิดนก ขอให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้

• หนึ่ง—จิตใจตัวเอง โดยเฉพาะช่วงหลังคลอดใหม่ๆ จิตใจของแม่ก็แย่มากพออยู่แล้ว ด้วยฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ชีวิตที่เปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน ดังนั้นจิตใจของแม่จึงเป็นเรื่องสำคัญ พยายามลดเรื่องที่จะทำให้เครียด อะไรที่ทำแล้วมีความสุข ก็ขอให้ทำไป และคนที่จะช่วยให้แม่ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ก็คือคนใกล้ตัวทุกคนของคุณแม่ ที่ต้องให้กำลังใจ ให้ความช่วยเหลือ และไม่ตัดสินอะไรในตัวคุณแม่ทั้งสิ้น

• สอง—น้ำนม แม่นิดนกเชื่อว่าคุณแม่หลายคนมักจะตั้งเป้าหมายไว้ว่าอยากเลี้ยงลูกด้วยนมแน่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วแม่หลายคนก็ประสบปัญหา ไม่มีน้ำนม หรือลูกเข้าเต้าไม่เป็น ดังนั้น มองแค่ระยะใกล้ให้ผ่านไปให้ได้ก่อนดีกว่า

• ประสบการณ์ส่วนตัวของแม่นิดนกก็คือ หลังคลอดลูกแล้ว ตัวเองมีน้ำนมพร้อมที่จะให้ลูกดูด แต่ลูกเข้าเต้าและดูดนมจากเต้าไม่เป็น ซึ่งก็ต้องขอคุณหมอว่าขอลองอีก 2-3 วัน จนถึงวันที่หมอบอกว่า ถ้าวันนี้ลูกยังดูดนมคุณแม่ไม่ได้ ต้องขออนุญาตให้กินนมผงจากขวดนมแล้วนะ ซึ่งก็ต้องยอม เพราะถึงเราจะอยากให้กินนมแม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แค่ไหน ก็ต้องเอาสุขภาพของลูกตอนนั้นให้รอดก่อน

• สุดท้ายคือการพักผ่อน คือสิ่งที่คุณแม่ทุกคนโหยหา เพราะฉะนั้นแม่ทุกคนควรให้เวลากับการพักผ่อนให้เต็มที่ เพราะมันมีผลต่อสุขภาพ การฟื้นฟูร่างกาย และการสร้างน้ำนมรา

• กลับมาที่คำถามที่ว่า คิดยังไงกับการที่สื่อให้ความสำคัญหรือนำเสนอข่าวคุณแม่ดาราคลอดลูกแล้วกลับมาหุ่นดีทันที คำตอบก็คือมันอยู่ที่เราให้น้ำหนักและความสำคัญกับเรื่องไหน แต่ถามว่ามันมีผลกับคนที่เสพข่าวไหม ก็คิดว่ามี ในแง่ที่ว่ามันอาจจะกลายเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าสังคมต้องการแบบนี้

• บางคนอาจจะรู้สึกว่าพยายามแล้วแต่ทำไมทำอย่างที่ดาราทำไม่ได้ เพราะความจริงชีวิตคนเรามันมีบริบทที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งแม่นิดนกบอกว่า พอตัวเองเลือกที่จะให้ความสำคัญกับจิตใจ น้ำนม และการพักผ่อนแล้ว ก็ทำให้ไม่มีเวลาให้กับการออกกำลังกาย และตัวเองก็ไม่ได้มีพื้นฐานเป็นคนชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว ดังนั้นการออกกำลังกายจึงไม่ใช่สิ่งเยียวยาจิตใจ แต่สิ่งที่ช่วยได้คือการดูหนัง ฟังเพลง และการนอนเท่านั้น

• นอกจากนั้น ปัจจัยของแต่ละครอบครัวก็ไม่เหมือนกัน เช่น ครอบครัวแม่นิดนกเลี้ยงลูกกันเองสองคนสามีภรรยา ในขณะที่คนมีชื่อเสียงส่วนมากอาจจะมีพี่เลี้ยง มีปู่ย่าตายาย ดังนั้นเมื่อเงื่อนไขชีวิตของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน ก็ย่อมคาดหวังผลลัพธ์ที่เหมือนกันไม่ได้

• คุณแม่หลายคน อาจจะรู้สึกว่าช่วงเวลาตั้งท้องเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก เพราะลูกยังไม่ส่งผลต่อชีวิตเราเท่าไรนัก แต่หลังจากที่คลอดลูกแล้ว เรื่องใหญ่ในชีวิต ก็จะกลายเป็นเรื่องของลูก ส่วนเรื่องที่เป็นตัวเองก็จะค่อยๆ หายไป

• แต่เมื่อถึงจุดที่ชีวิตเราเริ่มเข้าที่เข้าทาง หรือเวลาที่ลูกเริ่มโตขึ้น โดยเฉพาะวันที่ลูกไปโรงเรียน มันคือการ welcome back my life เพราะแม่เริ่มกลับมามีชีวิตเป็นของตัวเองได้ เราจะมีเวลาให้กับสิ่งที่เราให้คุณค่า เช่น ส่วนตัวเป็นคนชอบดูหนัง สามารถอยู่ในโรงหนังได้ทั้งวัน แม่นิดนกบอกว่าวันแรกที่สามารถปล่อยให้ลูกอยู่กับคนอื่น และออกนอกบ้านคนเดียวได้ สิ่งแรกที่ทำก็คือไปนั่งดูหนังในโรงหนัง เพราะนี่คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญ ในขณะที่บางคนอาจจะเอาเวลาไปออกกำลังกาย ไปปลูกต้นไม้ เพราะคนเรามีสิ่งที่ให้คุณค่าไม่เหมือนกัน

• เพราะฉะนั้น คุณแม่ลองถามตัวเองก่อนดีกว่าว่าตัวเองให้คุณค่ากับอะไร ทำอะไรแล้วมีความสุข หรือทำแล้วมองเห็นคุณค่าของตัวเอง แล้วก็ทำเลย

• สุดท้ายแล้ว สุขภาพกายและสุขภาพใจของคุณแม่สำคัญที่สุด เพราะลูกจะไม่มีทางมีความสุขเลยถ้าคุณแม่ไม่มีความสุข

.

.

.

Spotify : https://spoti.fi/2WJIfMy

Apple Podcasts : https://apple.co/3xjiuPu

Podbean : https://bit.ly/3fl9IdR

YouTube : https://bit.ly/3j9tmut