การย้ายโรงเรียน เป็นเรื่องใหญ่และส่งผลต่อความรู้สึกของลูกไม่น้อย เพราะลูกจะต้องแยกจากสังคมและสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย ต้องเจอผู้คนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ และสถานการณ์ใหม่ๆ
เมื่อ ลูกย้ายโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่อาจต้องทำความเข้าใจในความวิตกกังวลของลูกมากขึ้น ดังที่ Angie Frencho แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและพฤติกรรมเด็ก เผยว่า เด็กที่ต้องย้ายโรงเรียนหรือเปลี่ยนโรงเรียนบ่อยมีโอกาสสูงที่จะมีปัญหาด้านพฤติกรรม การเข้าสังคม มีผลการเรียนต่ำกว่าเด็กคนอื่น รวมถึงมีปัญหาด้านสุขภาพทางอารมณ์ เช่น ขาดความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ขาดความมั่นใจ ขาดทักษะการเคารพตนเอง
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะให้ ลูกย้ายโรงเรียน หรือถึงเวลาที่ลูกต้องเปลี่ยนโรงเรียนใหม่ จึงควรมีเทคนิควิธีดีๆ เอาไว้เยียวยาจิตใจไม่ให้การย้ายโรงเรียนกลายเป็นฝันร้ายของลูกได้
1. บอกเหตุผลที่ลูกต้องย้ายโรงเรียน
สิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำคือการอธิบายให้ลูกเข้าใจถึงเหตุผลที่จะต้องย้ายโรงเรียน เช่น โรงเรียนเติมไม่มีชั้นเรียนสำหรับเด็กโต คุณพ่อคุณแม่เปลี่ยนที่ทำงาน ระยะทางจากโรงเรียนกับที่บ้านไกลเกินไป หรือค่าเทอมแพงเกินกว่าพ่อแม่จะรับไหว แม้ลูกอาจจะไม่เข้าใจเหตุผลอย่างถ่องแท้ แต่การบอกความจริงกับลูกจะช่วยให้ลูกทำใจยอมรับสถานการณ์ได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องพยายามหาข้อดีของการย้ายโรงเรียนและอธิบายให้ลูกรับรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ก็ส่งผลต่อความรู้สึกของคุณพ่อคุณแม่เช่นกัน ลูกไม่ได้เผชิญกับความกลัว ความกังวลกับการเปลี่ยนแปลงเพียงลำพังอีกด้วย
2. ให้ความสำคัญกับการบอกลาของลูก
สำหรับเด็กวัยเรียน พวกเขาอาจยังไม่เข้าใจความหมายของการแยกย้ายกันไปเติบโต ลูกมักเข้าใจว่าเมื่อต้องจากลากับเพื่อนแล้วจะไม่ได้เจอหรือเล่นด้วยกันอีก
คุณพ่อคุณแม่จึงควรหาเวลาจัดงานเลี้ยง หรือหาเวลาให้ลูกและเพื่อนๆ ของลูกได้บอกลาและใช้เวลาร่วมกัน รวมถึงการแลกช่องทางการติดต่อระหว่างคุณพ่อคุณแม่กับผู้ปกครองของเพื่อนลูก เพื่อให้ลูกติดต่อหากันได้ง่ายขึ้น เทคนิคนี้จะช่วยให้ลูกรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจว่าแม้จะย้ายโรงเรียนก็ยังสามารถติดต่อกับเพื่อนสนิทได้เสมอ
3. ส่งลูกไปเรียนด้วยรอยยิ้ม
การเริ่มต้นวันที่ดีเริ่มต้นจากอารมณ์ในตอนเช้า คุณพ่อคุณแม่จึงควรสร้างบรรยากาศในตอนเช้าให้เต็มไปด้วยพลังบวก เช่น ชวนลูกพูดคุยเรื่องที่สนใจ เตรียมอาหารจานโปรดให้ ไม่เร่งรัดลูกจนเกินไป เมื่อลูกอารมณ์ดีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ก็จะดีขึ้นด้วยเช่นกัน
4. ช่วยลูกทำการบ้าน
การช่วยลูกทำการบ้าน ไม่ได้หมายถึงให้คุณพ่อคุณแม่ทำการบ้านแทนลูก แต่หมายถึงการสนับสนุนและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนของลูก เช่น สอนการบ้าน ช่วยทำงานประดิษฐ์ และคอยถามไถ่ถึงการเรียนในแต่ละวันของลูก วิธีนี้จะช่วยลดความเครียดให้ลูกได้อีกทางหนึ่ง และยังเป็นการกระตุ้นให้ผลการเรียนลูกดีขึ้นด้วย
5. เปลี่ยนช่วงเวลาก่อนนอนเป็นช่วงเวลาแสนสุข
เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบแล้วว่าการย้ายโรงเรียน ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และความรู้สึกของลูกมาก จนอาจเกิดความวิตกกังวลและความเครียดที่นำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้ เช่น กินอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับช่วงเวลาก่อนนอน สละเวลาส่วนตัวสักครึ่งชั่วโมงมาใช้เวลาคุณภาพกับลูก เพื่อให้ลูกรู้สึกสบายใจและหลับได้ง่ายขึ้น เช่น การพูดคุย เล่านิทาน หรือกอดลูกก่อนพาเข้านอน
COMMENTS ARE OFF THIS POST