เราได้ยินกันมาตลอดว่า โรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง ที่นอกจากจะมีความรักและความอบอุ่นให้เด็กๆ แล้ว ยังเป็นที่ที่ช่วยปลูกฝังและเลี้ยงดูให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ 

ความเป็นมาของโรงเรียนที่ชื่อบ้านหวาน

 “ก่อนจะเป็นโรงเรียน ที่ตรงนี้เคยเป็นโรงงานเฟอร์นิเจอร์ชื่อว่า Sweet Home มาตั้งแต่สมัยคุณปู่ ซึ่งคุณพ่อก็อยากจะเก็บชื่อนี้เอาไว้ พอเราทำเป็นโรงเรียนอนุบาลก็ต้องมาคิดกันว่าจะใช้ชื่ออะไรให้น่ารักและเหมาะสม ครูขิมเลยคิดว่าเราก็แปลคำว่า Sweet Home ออกมาเป็นบ้านหวาน ซึ่งเท่ากับยังได้ใช้ชื่อเดิมกับโรงงานของคุณปู่”

ครูขิมเล่าถึงความเป็นมาของชื่อโรงเรียนอนุบาลบ้านหวาน ที่คุณพ่อเป็นผู้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2548 ส่วนตัวเองซึ่งเข้ามารับช่วงงานบริหารต่อจากคุณพ่อก็เรียนจบคณะครุศาสตร์ สาขาการศึกษาปฐมวัย และบริหารการศึกษาโดยตรง จึงมีความเข้าใจในธรรมชาติและพัฒนาการของเด็ก ได้ค่อยๆ ทำการปรับเปลี่ยนวิธีการสอนให้เหมาะสมกับเด็กๆ มากที่สุด

พื้นที่สีเขียวและบรรยากาศของความเป็นบ้าน

สิ่งที่เราสัมผัสได้ทันทีเมื่อมาถึงโรงเรียนอนุบาลบ้านหวานก็คือพื้นที่สีเขียวที่ทำให้บรรยากาศร่มรื่น กับอาคารเรียนสองชั้นที่เหมือนบ้านแต่ก็ไม่ใช่บ้านซะทีเดียว เพราะมีการแบ่งห้องเรียนของเด็กๆ ตามระดับชั้นอย่างเป็นสัดส่วน แต่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นสมชื่อ

“เราเชื่อว่าธรรมชาติกับเด็กเป็นของคู่กัน และเด็กจะแสดงออกได้ดีในยามที่เขาแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงาม และปลอดภัย”

ครูขิมบอกกับเราถึงความตั้งใจที่โรงเรียนเน้นย้ำ

“บ้านหวานส่งเสริมให้ครูพาเด็กลงสู่ธรรมชาติให้เยอะมากที่สุด เพราะด้วยบริบทโรงเรียนอยู่ในสังคมเมือง อยู่ในเขตที่มีแต่ตึกสูงและคอนโดฯ ทำให้เด็กๆ ไม่ค่อยมีโอกาสวิ่งเล่นหรือปล่อยพลังตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นโรงเรียนจึงเหมาะที่จะเป็นที่ให้พวกเขาจะได้ปล่อยจินตนาการและดึงความเป็นตัวเองออกมา ซึ่งธรรมชาตินี่ก็ถือเป็นเพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของเด็ก ไม่ว่าจะน้ำ หิน ดิน ทราย สนามหญ้า ใบไม้ ต้นไม้ เด็กๆ จะได้พัฒนาการทั้งด้านอารมณ์ สุนทรียศาสตร์ เป็นเด็กที่จิตใจอ่อนโยนและรักธรรมชาติ”

นอกจากนั้น สิ่งที่โรงเรียนอนุบาลบ้านหวานพยายามทำมาตลอดก็คือการทำให้โรงเรียนเป็นบ้านหลังที่สองของเด็กได้จริงๆ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คำเปรียบเปรย เพราะอยากให้เด็กๆ รู้สึกอยากมาโรงเรียน มาเจอเพื่อน เจอคุณครู แล้วได้ประสบการณ์ดีๆ พร้อมกับความสุขที่เปี่ยมล้นกลับไปเสมอ

โรงเรียนขนาดเล็กที่แสนอบอุ่น

โรงเรียนอนุบาลบ้านหวานถือเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีจำนวนห้องเพียงระดับชั้นละหนึ่งห้อง ในระดับเตรียมอนุบาล รับเด็กนักเรียนเพียง 20 คน ส่วนในระดับชั้นอนุบาล 1-3 ก็รับนักเรียนชั้นละ 25 คนเท่านั้น ทำให้คุณครูสามารถเข้าถึงเด็กทุกคนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของโรงเรียน เพราะคุณครูจะสามารถรู้จักนิสัยใจคอและจดจำรายละเอียดของเด็กทุกคนได้เป็นอย่างดี

เรียนรู้ผ่านการเล่นเป็นหลัก

ตอนที่พวกเรากำลังเดินสำรวจโรงเรียนกันนั้น ก็ได้เห็นเด็กๆ จากห้องเนอร์เซอรี่กำลังเล่นสนุกด้วยการช่วยกันอุ้มแตงโมทั้งลูกจุ่มลงสีในกระบะแล้วเอามากลิ้งบนกระดาษขาวที่คุณครูเอามาปูพื้นเป็นแนวยาวเพื่อเชื่อมต่อไปถึงฐานการเล่นต่อไป ซึ่งเป็นฐานให้เด็กๆ กันใช้จอบของเล่นขุดหาชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์เพื่อนำไปต่อเป็นภาพที่สมบูรณ์

เรารู้สึกสนุกเมื่อได้เห็นเด็กๆ เล่นเลอะเทอะเปรอะเปื้อนได้อย่างเต็มที่ แม้จะดูเป็นการเล่นเพื่อความสนุกสนาน แต่นี่คือการเล่นที่ผสมผสานการให้ความรู้เด็กๆ พร้อมกับการพัฒนาประสาทสัมผัสทุกด้านด้วยการเล่น (Sensory Play) นั่นเอง

“ถ้าเราสามารถสอดแทรกวิชาการลงสู่กิจกรรมได้ มันจะเป็นการเรียนวิชาการที่แยบยล คือเด็กจะไม่ได้รู้สึกว่าถูกบังคับให้เรียนเขียนอ่าน แต่จะรู้สึกว่าอยากสะกดคำนี้ให้ได้ เพราะถ้าสะกดได้ มันจะกลายเป็นความภาคภูมิใจของเขาเอง”

ครูขิมบอกกับเราถึงแนวคิด Play-based Learning ที่โรงเรียนพยายามสอดแทรกความรู้ทางวิชาการ ไม่ว่าจะเป็น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และเชาว์ปัญญา ผ่านการให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมที่ผ่านกระบวนการคิดและดีไซน์จากคุณครูในแต่ละระดับชั้น ซึ่งจะต้องทำการส่งแบบแผนกิจกรรมล่วงหน้า และช่วยกันระดมสมองเพื่อปรับให้เหมาะสมกับเด็กๆ มากที่สุด

เน้นให้เด็กลงมือและหาคำตอบด้วยตัวเอง

“อาทิตย์ก่อนเราเรียนกันเรื่องชุมชน ก็มีการพาเด็กๆ ไปทำความรู้จักกับชุมชนพระโขนง เพราะโรงเรียนเราอยู่พระโขนง เด็กก็ได้ไปสำรวจว่าชุมชนของเรามีอะไรบ้าง ได้ไปเที่ยวตลาดอ่อนนุช ไปซื้อของกลับมาทำสุกี้กินกับเพื่อน

เราเน้นการเรียนในสถานที่จริง บรรยากาศจริง เพราะวันหนึ่งเขาก็ต้องออกไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง”

สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตได้จากโรงเรียนอนุบาลบ้านหวานก็คือการเน้นให้เด็กๆ ได้ลงมือทำกิจกรรมด้วยตัวเอง ทดลองด้วยตัวเอง และหาคำตอบด้วยตัวเอง นอกจากจะทำให้เด็กๆ ได้ความรู้อย่างแจ่มแจ้งแล้ว ยังสนุกและช่วยกระตุ้นให้เกิดความอยากเรียนรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก Baanwaan Kindergarten

นอกจากนี้ โรงเรียนยังมีกิจกรรมโครงงานนักเรียน หรือ Student Project ซึ่งหมายถึงการให้เด็กๆ โหวตเลือกหัวข้อที่สนใจ มาศึกษาหาความรู้และทำเป็นโครงงานในทุกช่วงปลายภาคเรียนที่สองเป็นระยะเวลา 1 เดือน

“อย่างเด็กๆ เตรียมอนุบาลปีที่แล้วทำเรื่องนมกันค่ะ เขาก็จะได้เรียนรู้ว่านมที่เขาดื่มทุกวันมาจากไหน เราก็พาไปทัศนศึกษาที่ฟาร์มโคนม มหาวิทยาลัยเกษตรฯ ได้เห็นต้นกำเนิดของนมว่ามาจากแม่วัว ได้ไปลองรีดนมแบบสมมติ

ส่วนอนุบาล 1 ทำเรื่องรถไฟ ก็ได้ไปขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง เพื่อให้เด็กๆ ได้เห็นว่ารถไฟของจริงมันใหญ่มากนะ มันไม่เหมือนของรถไฟของเล่นที่เขาต่อบนรางไม้ ของจริงมันใหญ่และเสียงดัง มันเคลื่อนที่ยังไง และเราก็ให้เขาได้ลองนั่งจากสถานีหัวลำโพงไปลงที่สถานีคลองเตย เพื่อให้เด็กๆ ได้สัมผัสบรรยากาศการนั่งรถไฟจริงๆ”

ตลอดเวลาที่พวกเราได้เข้าเยี่ยมชมโรงเรียนและพูดคุยกับคุณครูขิม ซึ่งเป็นเวลานานพอสมควร เราได้เห็นเด็กๆ เล่นสนุก ได้ยินเสียงเด็กๆ หัวเราะร่าเริง ประกอบการพูดคุยของเราแทบจะตลอดเวลา

เอาเป็นว่า หากครอบครัวไหนกำลังมองหาโรงเรียนอนุบาลแนวบูรณาการผสมกับวิชาการที่อบอุ่น น่ารัก และสนุกสนานให้ลูกๆ อยู่แล้วละก็ โรงเรียนอนุบาลบ้านหวานก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมากเลยล่ะค่ะ

Baanwaan Kindergarten (โรงเรียนอนุบาลบ้านหวาน)
รับนักเรียนตั้งแต่: เตรียมอนุบาล-อนุบาล 3
รับนักเรียนตั้งแต่อายุ: 2-6 ปี

ค่าธรรมเนียมการศึกษา (1 ปีการศึกษา มี 2 ภาคเรียน)
เตรียมอนุบาลหนึ่ง: ภาคเรียนที่ 1 32,500 บาท ภาคเรียนที่ 2 28,000 บาท
อนุบาล 1-3: ภาคเรียนที่ 1 34,500 บาท ภาคเรียนที่ 2 30,000 บาท

ที่อยู่: เลขที่ 286 ซ.สุขุมวิท 54 แยก 6-3 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260
เบอร์โทร: 02-332-8021
facebook: https://www.facebook.com/baanwaan.kindergarten/