Melodies International Kindergarten โรงเรียนนานาชาติ สัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย

Melodies International

พอเด็กๆ ได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนกันมากขึ้น พวกเราก็เลยมีโอกาสได้ทำคอลัมน์ School กันบ่อยขึ้นตามไปด้วย

วันนี้พวกเราจะพาไปดูโรงเรียนน่ารักย่านทองหล่อ อีกย่านธุรกิจที่แสนจะคึกคักของกรุงเทพมหานคร

Melodies International Kindergarten โรงเรียนนานาชาติ ที่หยิบยกทั้งหลักสูตร การเรียนการสอน และแนวคิดแบบญี่ปุ่นมาปรับใช้กับเด็กๆ จนอาจเรียกได้ว่าเป็นโรงเรียนนานาชาติ สัญชาติญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้

  พอได้ยินอย่างนี้ ใครจะทำให้เรารู้จักโรงเรียนแห่งนี้ได้ดีไปกว่า ดร.พรหมจวรรณ อุดมมานะ ผู้บริหารโรงเรียน หรือ คุณครูนานา ของเด็กๆ ที่สละเวลาพาพวกเราเดินชมและเล่าเรื่องราวของโรงเรียนสัญชาติญี่ปุ่นแแห่งนี้

เริ่มต้นจากโรงเรียนญี่ปุ่นสำหรับเด็กญี่ปุ่นในประเทศไทย

โรงเรียน Melodies International Kindergarten ก่อตั้งขึ้นในปี 2524 ถ้านับจนถึงปัจจุบันโรงเรียนแห่งนี้ก็อายุ 41 ปี แล้ว

นอกจากอายุของโรงเรียนจะเก่าแก่กว่าที่เราคิด คุณครูนานายังเล่าว่าในวัยเด็ก เธอก็คือศิษย์เก่าของโรงเรียนแห่งนี้ เพราะคุณแม่ของครูนานาคือผู้ก่อตั้งโรงเรียนนี้ขึ้นมาด้วยความรักและความตั้งใจสุดๆ นั่นเอง

ความเป็นย่านธุรกิจของสุขุมวิทและทองหล่อ ทำให้มีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานและพักอาศัยในบริเวณนั้นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นที่มีการย้ายครอบครัวมาทำงานระยะยาวในประเทศไทยมากขึ้น คุณแม่จึงตัดสินใจเปิดโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ขึ้น ด้วยความตั้งใจว่าจะช่วยให้เด็กญี่ปุ่นที่ต้องย้ายประเทศตามคุณพ่อคุณแม่มามีโรงเรียนที่เหมาะสมกับตัวเองมากขึ้น

และเพราะเห็นคุณแม่คลุกคลีอยู่กับเด็กและแวดวงการศึกษามาตลอดชีวิต ครูนานาจึงมีความฝันจะเป็นคุณครูตั้งแต่ยังเด็ก จนเรียนจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA)และกลับมาทำงานด้านวิชาการเกี่ยวกับเด็กปฐมวัย ก่อนจะรับช่วงต่อจากคุณแม่เข้ามาดูแลและบริหารงานโรงเรียน Melodies International Kindergarten เต็มตัว

แม้จุดประสงค์แรกของโรงเรียนคือการเป็นพื้นที่สำหรับเด็กญี่ปุ่นที่เข้ามาพักอาศัยชั่วคราวในประเทศไทย แต่เมื่อพบว่าเด็กส่วนหนึ่งที่จบการศึกษาหรือย้ายออกจากประเทศไทยแล้ว ไม่ได้กลับไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นเสมอไป ภาษาอังกฤษ จึงเป็นสิ่งที่โรงเรียนตั้งใจจะปูพื้นฐานให้เด็กๆ มากขึ้น

“โรงเรียนเราเริ่มเปิดภาคนานาชาติตั้งแต่ปี 2538 เพราะเราเริ่มเห็นว่าเด็กๆ หลายคน เมื่อย้ายออกจากโรงเรียนก็ไม่ได้กลับประเทศญี่ปุ่น คุณพ่อคุณแม่จะต้องไปทำงานประเทศอื่นต่อ เช่น สหรัฐอเมริกาและอินเดีย เราเลยอยากจะช่วยเตรียมความพร้อมให้เด็กๆ สามารถไปเรียนต่อที่อื่นได้โดยต้องกังวลเรื่องภาษา”

ถึงแม้จะเปิดโรงเรียนภาคนานาชาติ แต่ความแตกต่างของ Melodies International Kindergarten ก็คือการเรียนการสอนภายใต้หลักสูตรและแนวคิดของประเทศญี่ปุ่น นั่นคือ happy strong และ independence หรือการเน้นให้เด็กๆ มีความสุข แข็งแรงทั้งกายใจ และรู้จักพึ่งพาตัวเองได้

นอกจากจะเป็นโรงเรียนที่เหมาะกับเด็กและครอบครัวต่างชาติในประเทศไทยแล้ว ด้วยแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโรงเรียน ทำให้ที่นี่กลายเป็นโรงเรียนนานาชาติที่ได้รับความสนใจจากครอบครัวคนไทยเช่นเดียวกัน

การเรียนการสอนทั้งหมดจะดูตัวเด็กเป็นหลัก จะไม่มีการมาบอกว่าเด็กทําได้หรือไม่ได้ จะไม่มีการบอกว่าให้คะแนนเท่าไหร่ เพราะว่าเราเชื่อว่าเด็กๆ แต่ละคนไม่เหมือนกัน”

หลักสูตรจากกระทรวงศึกษาธิการ ประเทศญี่ปุ่น

ปัจจุบัน Melodies International Kindergarten ใช้หลักสูตรตามหลักกระทรวงศึกษาธิการของประเทศญี่ปุ่น โดยแบ่งการเรียนการสอนออกเป็นสองส่วน คือภาคภาษาญี่ปุ่นและภาคนานาชาติ

โดยภาคภาษาญี่ปุ่น เน้นรองรับเด็กญี่ปุ่นที่คุณพ่อคุณแม่มาอาศัยหรือทำงานที่ประเทศไทย แต่ยังมีเป้าหมายที่จะให้ลูกสามารถกลับไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นได้

ส่วนภาคนานาชาติก็ยังคงใช้หลักสูตรจากประเทศญี่ปุ่น แต่ใช้การเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด

“เราต้องการเตรียมความพร้อมให้เด็กๆ เข้าสู่ชั้นประถมศึกษา ซึ่งตามหลักสูตรของประเทศญี่ปุ่น การเตรียมความพร้อมหมายถึง หนึ่ง—เด็กสามารถอ่านชื่อตัวเองออก สอง—สามารถบอกความต้องการของตัวเองได้ สาม—นั่งฟังคุณครูได้ และสี่—สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

 แต่ถ้าพูดถึงการศึกษาของประเทศญี่ปุ่น จริงๆ มันค่อนข้างนามธรรมนะคะ เช่น การอ่านชื่อตัวเองให้ออก หมายความว่าเด็กจะต้องอ่านหนังสือให้ออกก่อน ซึ่งการอ่านหนังสือเราก็ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องจำตัวอักษรได้แต่จะเป็นในเชิงการอ่านหนังสือนิทานด้วยกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดครูก็จะช่วยดูว่าในช่วงนั้น เด็กๆ กำลังสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ เพราะการเรียนการสอนทั้งหมดจะดูตัวเด็กเป็นหลัก จะไม่มีการมาบอกว่าเด็กทําได้หรือไม่ได้ จะไม่มีการบอกว่าให้คะแนนเท่าไหร่ เพราะว่าเราเชื่อว่าเด็กๆ แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนตอนสามขวบอาจจะยังทำเรื่องนี้ไม่ได้ แต่สี่ขวบอาจจะทำได้ เราก็เลยจะไม่ดูว่าสี่ขวบต้องทำเรื่องนี้ได้แล้วนะ ห้าขวบต้องได้แบบนี้”

เรียนผ่านกิจกรรมการเล่น เล่น และเล่น

“โรงเรียนของเราค่อนข้างจะเน้นเรื่องเล่นและทำกิจกรรมเป็นหลัก วิชาการค่อนข้างน้อย เด็กๆ จะได้ออกมาเล่นข้างนอกทุกวัน วันละประมาณหนึ่งถึงสองกิจกรรม

อย่างช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เด็กๆ จะได้เขียนโปสการ์ดส่งหาเพื่อนต่างห้อง แต่ละห้องก็จะมีกล่องโปสการ์ดไว้ พอเขียนเสร็จก็นำไปหย่อนในกล่องหน้าห้องนั้นๆ ฟังดูเหมือนเป็นกิจกรรมเล่นๆ แต่จริงๆ มันมีส่วนประกอบของวิชาอยู่ในนั้นด้วย”

อยากให้เด็กรู้จักช่วยเหลือตัวเองและคนอื่น

เมื่อพูดถึงโรงเรียนและการสอนเด็กๆ ในประเทศญี่ปุ่น เรามักจะนึกถึงภาพเด็กๆ ที่สามารถดูแลและช่วยเหลือตัวเองได้ เดินทางโรงเรียนและกลับบ้านเองได้

“คอนเซ็ปต์ที่โรงเรียนญี่ปุ่นส่วนใหญ่สอนเหมือนกันหมดคือการช่วยเหลือตัวเอง เด็กอายุขวบครึ่งก็สามารถถือกระเป๋าได้เอง จัดการข้าวของของตัวเองได้ รู้ว่าต้องเก็บอะไรตรงไหน วางตรงไหน กินข้าวก็ต้องพยายามกินด้วยตัวเองได้ นี่คือเรื่องพื้นฐานของเด็กเล็กที่ต้องดูแลตัวเองได้ พอโตขึ้นสักอนุบาลสอง เขาก็จะเริ่มดูแลคนอื่นได้ เช่น ช่วยถือของให้เพื่อน หรือช่วยน้องที่เล็กกว่าบางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจคิดว่าลูกยังเล็กเลยพยายามช่วยทำทุกอย่าง แต่ในแนวคิดของญี่ปุ่น เขาจะต้องทําได้ด้วยตัวเอง และช่วยเหลือตัวเองในการใช้ชีวิตเบื้องต้นได้”

นอกจากการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันแล้ว โรงเรียนยังมีการเตรียมความพร้อมให้เด็กๆ สามารถดูแลตัวเองได้ในสถานการณ์คับขัน เช่น จัดให้มีการซ้อมหนีไฟ ซ้อมรับมือแผ่นดินไหวปีละสามครั้ง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการช่วยเหลือตัวเองและคนอื่นที่จำเป็นจะต้องเรียนรู้เช่นกัน

อาหารการกินสไตล์ญี่ปุ่น

นอกจากหลักสูตรการเรียนการสอน อาหารก็เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น

“อาหารกลางวันที่โรงเรียนจะเป็นอาหารญี่ปุ่นทั้งหมด ปรุงโดยเชฟชาวญี่ปุ่นและมีนักโภชนาการชาวญี่ปุ่นช่วยดูแลเรื่องคุณภาพและสารอาหาร ให้เหมาะสมกับความต้องการของเด็กๆ ด้วย”

Melodies International Kindergarten
รับนักเรียนอายุตั้งแต่: Nursery – K.3  (อายุ 1.6 เดือน – 5 ปี)
ค่าธรรมเนียมการศึกษา
1 ปีการศึกษา มี 3 ภาคเรียน
ปีละ 219,000 บาท
ที่อยู่: 55/38 ถ.สุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
email: info@melodies.ac.th
Website: melodieskinder
Facebook: melodieskinder

Anittha R

หลงรักธรรมชาติของความเป็นเด็ก ชอบดูหนัง ชอบหนังสือนิทาน รักการเลี้ยงต้นไม้ และใฝ่ฝันอยากทำสวนกระบองเพรชที่มีดอกเยอะๆ

COMMENTS ARE OFF THIS POST