ถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากจะพาลูกออกไปสูดอากาศดีๆ ได้สัมผัสธรรมชาติได้ทดลองทักษะการใช้ชีวิต พึ่งพาตัวเอง และเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ลองเปลี่ยนบรรยากาศ และชวนสมาชิกในครอบครัวไปแคมป์ปิ้งกันดูไหมคะ
แคมป์ปิ้งกำลังเป็นการท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจในกลุ่มคุณพ่อคุณแม่นักเดินทางมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะดูทุลักทุเลและเหมือนหาเรื่องไปเหนื่อยมากกว่าการไปพักผ่อนตามโรงแรม แต่เรื่องความใกล้ชิดธรรมชาติและการได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจกลับมา การไปแคมป์ปิ้งก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
ถ้าคุณพ่อคุณแม่กำลังเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการแคมป์ปิ้งอยู่แล้วละก็ เราได้รวบรวมเทคนิคดีๆ ก่อนพาลูกไปแคมป์ปิ้งมาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ
1. หาเวลาลองตั้งแคมป์ที่บ้านกันก่อน
สำหรับครอบครัวมือใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์แคมป์ปิ้งมาก่อน ก่อนลงสนามจริง การซ้อมกางเต็นท์แคมป์ปิ้งในบริเวณก็เป็นเรื่องที่ควรทำ เพื่อลดความตื่นเต้น รู้ข้อควรระวัง ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงสังเกตพฤติกรรมของลูก เช่น ลูกรู้สึกอึดอัดกับการนอนเต็นท์หรือไม่ ร้อนไปหรือไม่ คุณพ่อคุณแม่จะได้เตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์จริงที่จะเกิดขึ้นได้
2. ให้ลูกได้ช่วยเตรียมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ของตัวเอง
นอกจากคุณพ่อคุณแม่จะต้องเตรียมข้าวของและอุปกรณ์ที่จำเป็นของทั้งครอบครัวไปให้พร้อมแล้ว การให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการเตรียมข้าวของของที่จำเป็นของตัวเอง ก็ช่วยให้ลูกรู้สึกสนุกกับการเตรียมตัวเดินทาง รู้จักคิดวางแผน เกิดกระบวนการคิดและตัดสินใจว่าอะไรจำเป็นหรือไม่จำเป็น เพราะลูกจะได้เรียนรู้ว่าเราควรเลือกแต่สิ่งที่สำคัญและจำเป็นต้องใช้ในการไปแคมป์เท่านั้น รวมถึงเป็นการฝึกทักษะการรับผิดชอบและดูแลตัวเองได้อีกด้วย
3. ช่วยกันเลือกสถานที่ตั้งแคมป์ที่เหมาะสม
ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานที่สำหรับตั้งแคมป์มากมายและหลากหลายรูปแบบ การเลือกสถานที่นอกจากคุณพ่อคุณแม่ควรควรเน้นสถานที่มีไฟฟ้า มีห้องน้ำ รวมถึงมีลานกิจกรรมที่เด็กสามารถวิ่งเล่นได้อย่างปลอดภัยแล้ว ลองให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกสถานที่ เช่น ลูกอยากเห็นทุ่งหญ้ากว้างๆ หรืออยากเห็นแม่น้ำลำธารมากกว่า ก็ทำให้การจัดทริปแคมป์ปิ้งเป็นที่ถูกอกถูกใจจทุกคนในครอบครัวมากขึ้น
4. หาหรือเตรียมกิจกรรมไปทำเพิ่มเติม
คงไม่ดีแน่หากการไปแคมป์ปิ้งจะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับลูก ถึงแม้คุณพ่อคุณแม่จะต้องการไปเพื่อพักผ่อนมากแค่ไหนก็ตาม แต่การให้ลูกนั่งๆ นอนๆ ตลอดวันก็ไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับเด็กแน่
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรหาข้อมูลว่าสถานที่ไปตั้งแคมป์นั้น มีกิจกรรมระหว่างวัน เช่น เดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติ มีจักรยานให้เช่าปั่น หรือเรือที่สามารถเช่าเพื่อพายเล่นได้ เพื่อให้การไปเที่ยวไม่เป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับลูกและทุกคนค่ะ
5. มีแผนสำรองเสมอ
เหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ การเตรียมแผนสำรองจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เช่น หากลูกเจ็บป่วย ไม่สบาย หรือเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด มียาหรือโรงพยาบาลใกล้เคียงที่สามารถเดินทางไปถึงได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ และหากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องขอความช่วยเหลือเร่งด่วน จะสามารถทำได้อย่างไร หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำหรือกระโถนสำหรับขับถ่ายไว้ใช้ในกรณีที่ลูกไม่กล้าหรือไม่ยอมใช้ห้องน้ำในแคมป์ ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้นะคะ
COMMENTS ARE OFF THIS POST