จากการจัดข้อมูลโดยเว็บไซต์ IQAir เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ได้ระบุว่า กรุงเทพฯ ติดอันดับ 6 ของโลก เป็นเมืองที่มลพิษทางอากาศสูงของโลก โดยดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 178 AQI ขณะที่เชียงใหม่อยู่อันดับ 13 ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 165 AQI
รองศาสตราจารย์ นายเเพทย์นิธิพัฒน์ เจียรกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัมหิดล ก็ได้มีการออกมาโพสต์เตือนประชาชนผ่านเฟซบุ๊ก โดยเราได้คัดกรองเนื้อหามาบางส่วน ดังนี้
เตือนภัยวิกฤตสำหรับคนกรุงเทพ คุณภาพอากาศเน้นค่าฝุ่น PM2.5 ของกรมควบคุมมลพิษเมื่อเจ็ดโมงเช้าวันนี้ (2 ก.พ. 66) ขึ้นสีแดงแล้วครึ่งเมืองกรุงเทพจะเป็นสีแดงทั้งเมืองมาไม่น้อยกว่า 1 วันแล้ว และการเตือนภัยที่เราได้ยินกรอกหูกันว่า ‘เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ประชาชนต้องระมัดระวังตัวโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง’ ต้องเปลี่ยนเป็น ‘มีอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนทุกคน’ นอกจากแค่ให้ประชาชนปฏิบัติตัวแล้ว หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบทั้งหลาย ต้องบอกด้วยว่าตัวเองพยายามทำการแก้ไขเชิงระบบและมาตรการประทังปัญหาอะไรอยู่บ้าง มีปัญหาและอุปสรรคอะไรที่ขัดขวางอยู่ และต้องการการบูรณการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนอย่างไร
ไม่ควรออกไปที่โล่งแจ้ง ถ้าจำเป็นและพอรอได้ รอจนกว่าค่าฝุ่นในชั่วโมงนั้นต่ำกว่า 75 และให้ใส่หน้ากากที่เหมาะสม ผู้อยู่ในห้องที่ระบบอากาศแบบเปิดติดต่อภายนอก ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา จนกว่าค่าฝุ่นภายนอกในชั่วโมงนั้นต่ำกว่า 100 เพราะการใส่หน้ากากที่เหมาะสมจะกรองฝุ่นได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง
ผู้อยู่ในห้องที่มีระบบอากาศแบบปิดและใช้เครื่องปรับอากาศ แต่ไม่มีเครื่องกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพเพียงพอกับขนาดห้อง ต้องใส่หน้ากากถ้าวัดค่าฝุ่นในห้องได้เกิน 50 หรือ ค่าฝุ่น
ผู้อยู่ในห้องที่มีระบบอากาศแบบปิดและใช้เครื่องปรับอากาศ พร้อมมีเครื่องกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพเพียงพอกับขนาดห้อง ไม่ต้องใส่หน้ากาก ถ้าเปิดเครื่องฟอกอากาศเต็มที่แล้ววัดค่าฝุ่นในห้องได้ไม่เกิน 37.5
ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงตัวเลขต่างๆ ข้างต้น ให้ลดลงอีก 30-50%
นอกจากนี้รองศาสตราจารย์ นายเเพทย์นิธิพัฒน์ ยังขอความร่วมมือให้โรงเรียนประกาศปิดสถานศึกษาและให้เรียนออนไลน์ได้ รวมถึงหน่วยงานรัฐและเอกชน work from home ให้มากที่สุด
COMMENTS ARE OFF THIS POST