สถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนการช้อปปิ้งออนไลน์และสั่งอาหารเดลิเวอรี่ จะเป็นหนึ่งในช่องทางสำคัญที่ทำให้ชีวิตประจำวันของเราพอจะดำเนินต่อไปได้อยู่ เพราะแม้ไม่ได้ไปห้างฯ ก็ไม่เป็นไร กดสั่งออนไลน์ก็ยังพอไหว ดีไม่ดีคำนวณแล้วถูกกว่าขับรถออกไปซื้อเองในสถานการณ์ปกติเสียอีก

แต่เรื่องที่อาจจะยังกวนใจคุณแม่บ้านทั้งหลายก็คือการต้องซื้ออาหารสดเข้าบ้านนี่แหละ ที่ยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องยอมออกไปเลือกซื้อเองที่ซูเปอร์มาร์เก็ต

The Rookie Mom EP94 นี้ เอาใจคุณพ่อคุณแม่ช่างเลือก เพราะได้รับการสนับสนุนอย่าง happyfresh บริการซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ ที่ทำให้คุณสามารถสั่งซื้อของซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำอย่างบิ๊กซี โลตัส และกรูเม่ต์มาร์เก็ต (Gourmet Market) ได้โดยไม่ต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง แค่กดสั่งก็จะมี personal shopper ที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดีคอยช่วยเลือกซื้อของสดที่มีคุณภาพเหมือนไปยืนเลือกด้วยตัวเอง มาส่งให้ถึงหน้าบ้าน ตามสโลแกน ‘happyfresh เลือกแต่ของดีที่สดให้คุณ’

และครั้งนี้ The Rookie Mom EP94 แม่นิดนกจึงชวนคุณพ่อช่างเลือก เผือก—พงศธร จงวิลาส มาร่วมพูดคุย  เพราะหลายครั้งที่คนทั่วไปมักจะมีความคิดว่าความช่างเลือกน่าจะเป็นบทบาทและหน้าที่ของคุณแม่ ส่วนคุณพ่อก็คงจะเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ แต่ความจริงแล้วคุณพ่อหลายคนก็มีมาตรฐานของตัวเอง แม่นิดนกเลยอยากชวนคุยว่าความช่างเลือกของคนเป็นพ่อ โดยเฉพาะคุณพ่ออย่างเผือก—พงศธร จะเป็นอย่างไร

1. การเลือกในแบบของคุณพ่อ

• ส่วนใหญ่ลูกจ๋า (ภรรยา) จะเลือกมาก่อน แล้วคัดมาเป็นชอยส์หนึ่งสองสามมาให้  แต่ถ้าย้อนไปที่ความช่างเลือกของตัวเอง คิดว่าทุกขั้นตอนในชีวิตการมีลูกก็ผ่านการเลือกมาแล้วทั้งหมด เพราะลูกครับ (ลูกชาย) เกิดจากวิธีทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งต้องเลือกตั้งแต่คุณหมอที่จะทำให้ลูกได้เกิด หรือแม้แต่บ้านที่อยู่ปัจจุบันก็มีลูกเป็นปัจจัยที่ทำให้ต้องเลือกหาซื้อบ้านที่มีพื้นที่ให้เขา

• ลูกครับเป็นเด็กที่แพ้อาหาร ถ้ากินอะไรที่แพ้แล้วจะเป็นผื่น ทำให้เรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องละเอียดมาก

แม่นิดนก: คิดว่าการมีลูกทำให้ชีวิตยุ่งยากมากขึ้นหรือเปล่า หรือรู้สึกไหมว่าทำไมต้องเลือกทุกอย่างจากชอยส์หนึ่งสองสามที่ภรรยาเลือกมาให้

พ่อเผือก: รู้สึกเหมือนกันว่าต้องขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ด้วยความที่พยายามมีลูกกันมานาน เลยเข้าอกเข้าใจภรรยามากเป็นพิเศษ อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ให้เขาทำเลย อยากจะเลือกอะไรก็ปล่อยให้เลือก ผมแค่ดูภาพรวม แล้วคอยเตือนถ้ามีอะไรมากเกินไป

แม่นิดนก: แต่ความเป็นแม่มันไม่สิ้นสุด อะไรที่มากเกินไปทั้งหมดทั้งมวลก็คือความหวังดีของแม่ จะทำยังไงให้พอดี

พ่อเผือก: บ้านผมบาลานซ์พอดี ลูกจ๋าเป็นคนมีระเบียบวินัยสูงมาก เราก็มีวินัยต่ำมาก (หัวเราะ) เวลาเขารีบเกินไป เราก็ต้องคอยบอกให้เขาใจเย็นๆ หรือถ้าวันไหนเราช้า เขาก็จะเป็นคนคอยเร่ง และมีความสุดโต่งคนละด้านแบบนี้ตั้งแต่ก่อนมีลูก เราเก็บตัว เขาชอบเจอคน แต่พออยู่ด้วยกันมันก็บาลานซ์พอดี อย่างช่วงโควิด-19 ความเก็บตัวของเราก็ทำให้เขาเจอคนน้อยลง แต่ในสถานการณ์ปกติ การออกไปเจอคนอื่นก็ทำให้ลูกได้เข้าสังคมไปด้วย

คุณเผือกให้เคล็ดลับเกี่ยวกับการเลือกซื้อของไว้เล็กน้อยคือการบอกให้ภรรยาใช้วิธีซื้อของสลับกันภายในชอยส์ที่เลือกไว้ ซึ่งหมายถึงการไม่ซื้อยี่ห้อเดิมซ้ำๆ นานๆ แต่เป็นการซื้อวนอยู่ในกลุ่มตัวเลือกที่ผ่านการเลือกมาแล้ว

แม่นิดนกจึงเสริมว่าวิธีนี้สามารถนำมาปรับใช้กับการเลี้ยงลูกได้เหมือนกัน คือการให้อิสระในการเลือก แต่อิสระนั้นก็ยังอยู่ในกรอบของสิ่งที่เราวางใจได้

2. การจะให้ใครสักคนเลือกซื้อของให้ต้องไว้ใจกันมาก 

แม่นิดนก: ช่วงนี้ที่การออกไปเลือกซื้อของเองก็ถือเป็นความเสี่ยง ทำให้ครอบครัวเครียดบ้างไหม

พ่อเผือก: ก่อนหน้านี้ เราก็บอกลูกจ๋าว่าจะเป็นคนซื้อมาให้ เพราะว่าต้องออกไปทำงานอยู่แล้ว เขาจะได้อยู่แต่ในบ้าน แต่เขาก็จะไม่ไว้ใจ เพราะว่าหยิบอะไรก็ไม่ถูกใจ ทำดีที่สุดก็คือเสมอตัวว่าไม่ได้หยิบของที่มันแย่เกินไปกลับมา เพราะเขาเป็นคนละเอียดมากๆ ดังนั้นกลายเป็นเวลาซื้อของต้องออกไปทั้งสองคน ให้เขาได้เลือกเอง ส่วนเราไปคอยเข็นรถเข็นตาม กลายเป็นต้องออกไปเสี่ยงกันทั้งคู่

แม่นิดนก: เราเคยฝากสามีซื้อแป้งมันฮ่องกง คือมันไม่ใช่แป้งมันธรรมดา สามีก็กลับมาบอกว่าไม่มี พออีกวันเราไปซื้อเอง มันก็มีนี่!

พ่อเผือก: มันไม่ใช่ความสะเพร่าของผู้ชายด้วยนะ แต่เราหาไม่เจอจริงๆ ซูเปอร์มาร์เก็ตมันเป็นเหมือนโลกลี้ลับ โจทย์ล่าสุดของเราคือต้องไปซื้อน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ เราก็เจอแต่ไซเดอร์กับน้ำแอปเปิ้ล แต่ไม่เจอน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ มันยากมาก

แชร์ประสบการณ์ใช้สามีซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วไม่เวิร์ก จนแม่นิดนกต้องสรุปให้ว่านี่คือเหตุผลที่เวลานี้เราควรจะมีผู้ช่วยที่เราไว้ใจเรื่องการซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตนั่นเอง

3. มีลูกแพ้อาหาร ทำให้ต้องเลือกมากขึ้นไปอีก

พ่อเผือก: อย่างแรกที่พบว่าลูกแพ้คือนม ลูกครับหยุดกินนมแม่ตอนอายุประมาณ  8-9 เดือน เพราะมีอาการแพ้หนักมาก มีผื่นขึ้นเต็มตัว ซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาแพ้อะไรที่แม่กินแล้วมันปนเปื้อนมากับน้ำนมแม่ คุณหมอก็เลยแนะนำว่าให้หยุด แล้วเปลี่ยนให้ลูกกินนมผงแทน

แต่นมผงสำหรับเด็กแพ้ก็หายากมาก ไม่ได้มีขายทุกซูเปอร์มาร์เก็ตหรือบางที่ก็หมดเร็วหรือน้อยมาก

แม่นิดนก: แล้วอาหารอื่นๆ เวลาเลือกซื้อถึงขั้นต้องอ่านสลากส่วนประกอบหรือเปล่า

พ่อเผือก: ใช่ ต้องพยายามเลือกให้ไม่มีอาหารท็อปไฟว์ที่เสี่ยงต่อการแพ้ (นมวัว นมถั่วเหลือง ไข่ แป้งสาลี และอาหารทะเล) แล้วค่อยๆ เพิ่มให้ลูกลองกินทีละอย่าง เพราะฉะนั้นลูกจ๋าก็จะไม่ไว้ใจใครในการเตรียมของกินให้ลูก โดยเฉพาะปลา  เขาจะต้องแยกก้างปลาให้ลูกด้วยมือของเขาเอง

เวลาซื้อปลาก็ต้องเลือกจากที่ไว้ใจได้ ผักก็ต้องกินให้ครบทุกสี ไก่ก็ต้องศึกษาว่าควรกินแบบไหน ไข่ไก่ มาจากแม่ไก่ที่เลี้ยงระบบเปิดหรือระบบปิด แม่ไก่อารมณ์ดีหรือเปล่า

คุณเผือกเล่าว่าปกติที่บ้านไม่ได้ทำอาหารกินเอง แต่จะทำเฉพาะของลูกที่ภรรยาจะเป็นคนเตรียมวัตถุดิบและทำเองทุกอย่าง ดังนั้นการที่จะยอมให้ใครสักคนไปช่วยซื้ออาหารจากซูเปอร์มาร์เก็ตให้ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

เพราะมันยิ่งกว่าความไว้ใจที่มีให้สามี แต่จะต้องเหมือนคนที่กำลังจีบกันใหม่ๆ และเขาพยายามจะสร้างความประทับใจด้วยการตั้งใจเลือกทุกอย่างที่ดีที่สุดให้เรา

4. เปิดใจให้ happyfresh

คุณเผือกเล่าว่า พอรู้ว่าจะได้ทำงานกับ happyfresh ก็รีบบอกกับภรรยา ปรากฏว่าภรรยารู้จัก happyfresh อยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยใช้บริการ เพราะจากประสบการณ์ที่เคยใช้บริการฝากซื้อของเจ้าอื่นมาก่อน ก็พบว่ายังไม่ถูกใจเท่าไร

ดังนั้นนอกจากการไปถ่ายโฆษณาแล้ว อีกภารกิจสำคัญก็คือการไปหาข้อมูลมาให้ภรรยาว่า happyfresh ดีอย่างไร

5. personal shopper ผู้ช่วยเลือกของสุดเจ๋ง

เวลาเราไปซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ใหญ่ๆ จะมี personal shopper มาคอยให้แนะนำและช่วยเลือกสิ่งที่เหมาะกับเรา ซึ่งถ้าเราลองนึกถึงบริการซื้อของอื่นๆ ไรเดอร์จะเป็นคนเข้าไปเดินซื้อของให้ แต่ personal shopper ของ happyfresh เขาได้รับการอบรมและฝึกฝนมาเพื่อซื้อของโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะของสด ของแห้ง อาหารกระป๋อง หรือถึงของที่เลือกยากมาก เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูป หรือแม้แต่ผ้าอนามัย

เพราะฉะนั้น personal shopper ของเราก็คือยอดฝีมือในซูเปอร์มาร์เก็ตที่จะช่วยเลือกซื้อของที่มีคุณภาพและคุ้มค่าให้เรา ดีกว่าส่งสามีไป ได้ของที่ถูกใจเหมือนไปเลือกด้วยตัวเอง หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ

6. คุยกับ Personal Shopper Master Trainer

ช่วงท้ายของรายการ เพื่อทำความรู้จัก personal shopper ให้มากขึ้น คุณเผือกจึงทำการติดต่อหาคุณเปรม Personal Shopper Master Trainer หรือผู้ฝึกอบรม personal shopper แห่ง happyfresh ให้แม่นิดนกได้ลองสอบถามว่า ถ้าอยากทำข้าวผัดกุ้งให้ลูกกิน ซึ่งต้องใช้วัตถุดิบ คือข้าว กุ้ง ไข่ และผักต่างๆ personal shopper จะช่วยเลือกของดีที่สด ให้อย่างไร

คุณเปรมแนะนำดังนี้ㅡ

• ข้าวสาร ถ้าทำข้าวผัดให้อร่อย ควรเลือกใช้ข้าวหอมมะลิ เลือกที่ถุงไม่ฉีกขาด ไม่มีรอยรั่ว ไม่มีหิน กรวด ดินทรายปนเปื้อน

• กุ้งขาว ต้องจับดูแล้วเนื้อแน่นเด้ง ไม่มีกลิ่นเหม็น เปลือกแน่น หัวและลำตัวติดกัน ไม่มีเมือกเหนียว

• ไข่ไก่ ต้องเลือกที่ดูสะอาด ไม่มีรอยแตกร้าว และไข่ไก่ที่สดใหม่จะมีผิวเปลือกด้านเหมือนมีผงแป้งเคลือบ

• ผักต่างๆ เช่น มะเขือเทศ ต้องเลือกที่ผิวเต่งตึง มันวาว สีแดงเสมอทั่วทั้งลูก ขั้วเขียวติดแน่นกับผล หรือแตงกวาต้องเลือกที่มีผิวสีเขียวสด ผลดูกลมกลึงทั้งลูก

ทั้งหมดที่ว่ามา เกิดขึ้นได้ด้วยการใช้บริการผ่านแอปลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ happyfresh เลือกซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน แล้วเลือกสินค้าที่ต้องการ เลือกเวลาที่ต้องการให้จัดส่ง และวิธีชำระเงิน เท่านี้ก็รอรับของดีที่สดอยู่ที่บ้านได้

7. ข้อดีของการเป็นคนช่างเลือก

การที่คนเป็นแม่ใส่ใจในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก มันทำให้ลูกของเราเติบโตอย่างมีคุณภาพ ร่างกายแข็งแรง เกิดการเรียนรู้เต็มที่ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนตัวเองจะเคยคิดอยากให้ภรรยาเลือกให้น้อยลงบ้างก็ได้ แต่ตอนนี้ พอได้เห็นผลลัพธ์ที่ดี คือลูกเติบโตอย่างแข็งแรงและอารมณ์ดี ก็เลยรู้ว่าการเป็นคนช่างเลือกของภรรยามันดีกับลูกจริงๆ

และสุดท้าย ในฐานะพรีเซนเตอร์ สิ่งที่คุณพ่อเผือกอยากจะพูดถึง happyfresh ก็คือ “นี่เป็นบริการที่ทำมาเพื่อลดปัญหาระหว่างพ่อบ้านแม่บ้านได้ดีมาก และการสั่งซื้อของของเราจะเปลี่ยนไปตลอดกาล”

Spotify : https://spoti.fi/37s7vc2

Apple Podcasts : https://apple.co/37y6ijq

Podbean : https://bit.ly/2VCZyOT

YouTube : https://bit.ly/2VtWjtr