เมื่อคุณพ่อคุณแม่เริ่ม อยากมีลูกคนที่สอง นอกจากการเตรียมความพร้อมให้คุณพ่อคุณแม่เองแล้ว สิ่งที่ไม่ควรลืมเลยก็คือ การเตรียมตัวเตรียมใจลูกคนแรก สำหรับการต้อนรับสมาชิกใหม่ในอนาคต Kristin Carothers นักจิตวิทยาคลินิก และนักบำบัดพฤติกรรมทางปัญญาผู้เชี่ยวชาญการวินิจฉัยและการรักษาทางจิต แห่งเมืองนิวยอร์ก อธิบายเกี่ยวกับครอบครัวที่กำลังจะมีลูกคนที่สองเอาไว้ว่า เด็กวัยอนุบาลจะมีความหวงแหนคุณพ่อคุณแม่ อยากให้คุณพ่อคุณแม่สนใจตัวเอง และมักจะอ่อนไหวง่าย โดยเฉพาะเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของคนในครอบครัว ในขณะที่เด็กบางคนจะเริ่มรู้สึกอยากมีน้อง และสามารถพูดคุยถึงการมีน้องเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวได้เป็นอย่างดี
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อคุณพ่อคุณแม่ อยากมีลูกคนที่สอง ย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและสั่นสะเทือนโลกทั้งใบของลูกอย่างปฏิเสธไม่ได้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องเตรียมความพร้อมให้ลูกคนแรก เพื่อให้การมีน้องคนเล็กเป็นเรื่องดีๆ ของทุกคนในครอบครัว
1. บอกลูกให้รู้เป็นคนแรกๆ
#รีบบอกให้ลูกรู้ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่ คุณแม่ควรบอกเรื่องการตั้งท้องให้ลูกรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะลูกในวัยอนุบาล อาจมีการเรียกร้องให้คุณแม่อุ้ม เผลอกระโดดมานั่งตัก หรือเล่นแรงกับคุณแม่ การบอกให้ลูกรู้ว่าคุณแม่กำลังมีน้อง และต้องระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษในช่วงเดือนแรกๆ จะช่วยให้ลูกค่อยๆ เรียนรู้และเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับการมีน้องได้ดียิ่งขึ้น
#อธิบายด้วยภาษาแห่งความรัก Mandi Silverman นักจิตวิทยาคลินิก ที่ศูนย์โรคสมาธิสั้นและพฤติกรรมผิดปกติ Child Mind Institute ในนิวยอร์ก แนะนำว่า คุณแม่ควรอธิบายเรื่องการมีน้องให้ลูกฟังด้วยคำพูดเชิงบวก ที่แสดงให้เห็นว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในครอบครัว เช่น ลูกจะมีคนให้รักเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ต่อไปทริปครอบครัวจะสนุกขึ้นกว่าเดิม และอย่าลืมแสดงความรักกับลูกคนแรกอย่างสม่ำเสมอ
#ตอบคำถามของลูกเสมอ Dawn Huebner นักจิตวิทยาและผู้เขียนหนังสือ What to Do When You Worry Too Much อธิบายว่า ความจริงแล้วลูกคนโตไม่ได้ต้องการให้คุณพ่อคุณแม่พูดถึงน้องตลอดเวลา แต่เมื่อไหร่ที่ลูกถาม ก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่ตอบคำถามลูกด้วยความเต็มใจเสมอ
2. ให้ลูกซึมซับความเป็นพี่อย่างค่อยเป็นค่อยไป
#อ่านนิทานเกี่ยวกับความเป็นพี่น้องให้ลูกฟัง สิ่งนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างพี่น้องในอนาคตได้ และยังเป็นกิจกรรมก่อนนอนที่ดีต่อลูกคนเล็กในท้องอีกด้วย
#เล่าเรื่องน้องในท้องให้ลูกฟัง คุณแม่สามารถอัปเดตการเจริญเติบโตของน้องให้ลูกฟังได้ เช่น ตอนนี้น้องมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ตัวโตแค่ไหน และลองให้ลูกแนบหูฟังเสียงน้องในท้องเคลื่อนไหว สิ่งนี้จะทำให้ลูกรู้สึกตื่นเต้นและเริ่มรอคอยวันที่จะได้เห็นหน้าน้องจริงๆ
#ชวนลูกสัมผัสน้องผ่านท้องคุณแม่ คุณแม่สามารถให้พี่ทำความคุ้นเคยกับน้อง ด้วยการชวนให้ลูกพูดคุยกับน้องในท้อง ลูบท้องคุณแม่เพื่อสัมผัสการดิ้นและเคลื่อนไหวของน้อง เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นตั้งแต่น้องยังอยู่ในท้องของคุณแม่
#ซ้อมการดูแลน้อง เมื่อเตรียมใจให้กับลูกคนโตมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ถึงเวลาเตรียมตัวดูแลน้องให้พร้อม ด้วยการซ้อมอุ้ม และฝึกดูแลน้องผ่านตุ๊กตาตัวโปรดของลูก นอกจากจะเป็นการเล่นบทบาทสมมติที่ลูกชอบแล้ว ยังช่วยให้ลูกมีความกระตือรือร้นและอยากลองเลี้ยงน้องจริงๆ มากขึ้น
3. ให้ลูกคนโตได้มีส่วนร่วมเสมอ
#ให้พี่ได้เลือกของใช้ให้น้อง คุณพ่อคุณแม่ควรชวนลูกไปเลือกซื้อของใช้ ของเล่น เสื้อผ้า หรือมีช่วยตั้งชื่อเล่นให้น้อง เพื่อให้ลูกรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญของครอบครัว
อีกหนึ่งเทคนิคที่ดีก็คือให้ลูกเลือกของขวัญชิ้นเล็กๆ ให้น้องด้วยตัวเอง และคุณพ่อคุณแม่ก็เตรียมของขวัญชิ้นเล็กๆ ไว้ให้ว่าที่พี่คนใหม่ได้เช่นกัน
#หน้าที่สำคัญนี้พี่ขอจอง เปิดโอกาสให้ลูกมีส่วนช่วยดูแลน้อง ในเรื่องที่ลูกสามารถทำได้ เช่น ช่วยเช็ดตัวให้น้องหลังอาบน้ำ เตรียมเสื้อผ้าให้น้อง จับมือน้องไว้เวลาที่น้องร้องไห้ เพื่อทำให้ลูกรู้ว่า เขาจะมีบทบาท มีความสำคัญ และเป็นที่รักของคุณพ่อคุณแม่รวมถึงน้องเล็กด้วย
4. ยินดีต้อนรับพี่คนใหม่ (ด้วยความรักเหมือนเดิม)
#มีช่วงเวลาที่เป็นของพี่เท่านั้น สิ่งหนึ่งที่ลูกคนแรกไม่อยากสูญเสียไปเลยก็คือการได้ใช้เวลากับคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำให้การมีลูกคนที่สองเข้ามาเบียดบังเวลาที่มีความสุขของลูก
คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมกับลูกได้ด้วยการทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ เช่น ลูกจะได้เล่นเกมกับคุณพ่อทุกวันพุธ อ่านหนังสือนิทานกับคุณแม่ก่อนนอนทุกคืน กอดและบอกรักกันและกันทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน รวมไปถึงช่วงเวลาที่ทำให้ใกล้ชิดกับลูกๆ ได้มากขึ้น เช่น ให้ลูกคนโตนั่งอยู่ใกล้ๆ คุณแม่ตอนให้นมน้อง
#เข้าใจหัวอกพี่คนใหม่ การมาถึงของน้องคนเล็ก อาจทำให้ลูกคนโตงอแงหรือมีพฤติกรรมถดถอยมากขึ้น รวมถึงมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจเพราะต้องการให้คุณพ่อคุณแม่กลับมาใส่ใจเหมือนเดิม
สิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ก็คือ เข้าใจ ยอมรับ และให้เวลากับลูกคนโต พยายามชมเชยเพื่อให้ลูกรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง เช่น ลูกเก่งมากที่ช่วยเหลือตัวเองได้ดีและยังเป็นพี่ที่ช่วยแม่ดูแลน้องได้อีกด้วย
กำลังใจดีๆ จากคุณพ่อคุณแม่นี่แหละที่จะทำให้พี่คนโตมีความมั่นใจในตัวเอง และไม่รู้สึกว่าการมีน้องจะทำให้ตัวเองหมดความสำคัญลงไป
COMMENTS ARE OFF THIS POST