READING

4 พฤติกรรมของลูกที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรเพิกเฉย...

4 พฤติกรรมของลูกที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรเพิกเฉย

เด็กทุกคนย่อมมีทั้งพฤติกรรมที่ดี เห็นแล้วชวนให้รู้สึกตื่นเต้น ชื่นชม และก็มีพฤติกรรมไม่น่ารักที่คุณพ่อคุณแม่เห็นแล้วก็อดที่จะหนักใจไม่ได้

เวลาที่ลูกมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หากคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญก็มักจะรีบเข้าไปตักเตือนและพูดคุย แต่บางครั้งคุณพ่อคุณแม่ก็เพิกเฉย เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ลูกจะสามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้เอง แต่ความเป็นจริง พฤติกรรมไม่ดีบางอย่างที่ลูกทำแล้วหากไม่ได้รับการตักเตือนเพื่อแก้ไข ก็อาจจะกลายเป็นนิสัยติดตัวลูกต่อไปจนโตได้

M.O.M จึงชวนคุณพ่อคุณแม่มาดู 4 พฤติกรรมไม่น่ารักของลูกน้อย ที่ไม่ควรปล่อยผ่านหรือเพิกเฉยเป็นอย่างยิ่ง จะมีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ

1. ลูกพูดโกหกและพูดเกินจริง

notignorebehavior_web_1

เด็กๆ ในช่วงวัยหัดพูดและเดินนั้นเป็นวัยที่เต็มไปด้วยจินตนาการ คุณพ่อคุณแม่จะพบว่าลูกสามารถพูดหรือเล่าเรื่องราวที่เกินจริงได้ ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข ปล่อยให้ลูกพูดเกินจริงจนติดเป็นนิสัย เมื่อโตขึ้นอาจกลายเป็นการโกหกต่อไปได้ แต่ช่วงวัยที่ลูกเพิ่งเริ่มหัดพูดและสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ การพูดเกินจริงอาจเกิดจากความเข้าใจผิด หรือไม่รู้วิธีที่จะสื่อสารอย่างถูกต้อง ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจที่จะโกหก คุณพ่อคุณแม่จึงไม่จำเป็นจะต้องต่อว่าให้ลูกตกใจ แต่ควรใช้วิธีค่อยๆ อธิบายความจริงให้ลูกเข้าใจอย่างถูกต้อง

แต่เมื่อลูกอายุตั้งแต่ 4 ขวบขึ้นไป เด็กก็จะเริ่มเข้าใจเรื่องการโกหกมากขึ้น ในช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถสอนให้ลูกรู้ว่าการพูดผิดไปจากความจริง จะทำให้คนเข้าใจว่าเป็นการโกหก และการโกหกเป็นสิ่งที่ไม่มีใครชอบหรือยอมรับได้

2. ลูกชอบขว้างปาสิ่งของ

notignorebehavior_web_2

การขว้างปาสิ่งของสำหรับเด็กเล็กนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ใช่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะสามารถปล่อยให้ลูกโยนและขว้างปาอะไรก็ได้ตามใจ เพราะนั่นอาจทำให้ลูกมีพฤติกรรมชอบโยนและขว้างปาสิ่งของใส่ผู้อื่น เมื่อไม่พอใจได้

คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความใส่ใจที่จะบอกให้ลูกรู้ว่าอะไรที่เขาสามารถโยนเล่นได้ และคอยเตือนไม่ให้ลูกโยนสิ่งของใส่คนอื่นด้วย

3. ลูกแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

notignorebehavior_web_3

หากลูกเริ่มมีพฤติกรรมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเวลามีคนเรียกหรือเข้ามาพูดคุยด้วย แล้วคุณพ่อคุณแม่เพิกเฉย หรือปล่อยให้ลูกทำเป็นไม่ได้ยินหรือไม่สนใจคนอื่นต่อไปอย่างนั้น เมื่อโตขึ้นลูกจะเข้าใจว่าเขาสามารถเพิกเฉยหรือทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่ทุกคนได้ ทางที่ดี หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการที่จะพูดหรือคุยกับลูก ควรเริ่มจากการนั่งหรือย่อตัวให้อยู่ในระดับสายตาของลูก แตะไหล่ และมองตาลูก เพื่อให้ลูกมีอาการตอบรับและรู้จักการโฟกัสกับคู่สนทนา

4. ชอบขัดจังหวะคนอื่น

notignorebehavior_web_4

ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่กำลังทำงาน หรือแม้แต่กำลังคุยโทรศัพท์ แล้วเจ้าตัวน้อยดันพุ่งตัวเข้ามาหาหรือส่งเสียงเรียกจนทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียสมาธิที่จะทำงานของตัวเองต่อ พฤติกรรมนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรเพิกเฉยเช่นกัน

แต่สอนให้ลูกรู้ว่าเขาควรจะรอให้คุณพ่อคุณแม่ทำธุระให้เสร็จก่อน และเมื่อลูกรู้จักหักห้ามใจหรืออดทนรอได้ ก็อย่าลืมชื่นชมและให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ เขาด้วยนะคะ

อ้างอิง
verywellfamily
psychcentral
parents

Anittha R

หลงรักธรรมชาติของความเป็นเด็ก ชอบดูหนัง ชอบหนังสือนิทาน รักการเลี้ยงต้นไม้ และใฝ่ฝันอยากทำสวนกระบองเพรชที่มีดอกเยอะๆ

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST