เด็กทุกคนล้วนมีตัวตน บุคลิก ลักษณะนิสัย และความชอบที่แตกต่างกัน แม้จะเป็นพี่น้อง หรือฝาแฝดที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน ก็ยังมีตัวตนที่ต่างกันอย่างชัดเจน
แต่ถึงเด็กแต่ละคนจะมีลักษณะนิสัยและตัวตนของตัวเองเป็นพื้นฐาน แต่การ สอนให้ลูกเป็นตัวของตัวเอง ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม เพราะระหว่างเส้นทางของการเติบโตนั้น เด็กบางคนก็ถูกทำให้สูญเสียความมั่นใจ จนกลายเป็นคนไม่กล้าคิด ไม่กล้าทำ ไม่กล้าแสดงออกความคิดเห็น รวมถึงไม่กล้าเป็นตัวของตัวเองไปเลยก็มี
เพื่อให้ลูกและเด็กๆ ของเราเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้พฤติกรรมเชิงบวก เพื่อ สอนให้ลูกเป็นตัวของตัวเอง อย่างเหมาะสมได้ตั้งแต่ยังเล็ก เพราะตัวตนที่หล่อหลอมมาอย่างแข็งแกร่ง ย่อมแข็งแรง มั่นคง และเป็นพื้นฐานที่ดีต่อการเติบโตของลูกต่อไป
1. ความมั่นใจ คือ รากฐานของการเป็นตัวของตัวเอง
Dr. Cindy Hovington ผู้ก่อตั้ง ที่ปรึกษาด้านการเลี้ยงดูบุตร อธิบายว่า เด็กในวัยเริ่มคลานหรือหัดเดิน สามารถสร้างความมั่นใจในตัวเองจากการเรียนรู้ว่าก้าวเท้าอย่างไรไม่ให้ล้ม และความมั่นใจที่แท้จริงจะเกิดขึ้นในช่วงวัยก่อนเข้าเรียน เพื่อเป็นต้นทางที่จะทำให้ลูกรู้จักตัวเองมากขึ้น และนำไปสู่เป็นตัวของตัวเองได้
มีการศึกษาของ NYU ในปี 2017 พบว่า เด็กอายุ 4 ขวบจะเริ่มมีความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับการเป็นตัวของตัวเองคล้ายกับผู้ใหญ่ และจะมีความภาคภูมิใจในตัวเองทั้งเชิงบวกและลบ เมื่ออายุ 5 ขวบ ความมั่นใจในตัวเองจะพัฒนามาจากการเข้าใจร่างกายของตัวเอง ได้เห็นศักยภาพของตัวเองผ่านเล่นทางกายภาพ การเคลื่อนไหวที่มีความท้าทาย และกิจกรรมที่ทำเพื่อทดลองขีดความสามารถของตัวเอง
Christina Furnival, LPCC ผู้ให้คำปรึกษาด้านเด็กและครอบครัว ระบุว่า ความมั่นใจของเด็กสามารถแสดงออกได้หลายวิธี เช่น วัยอนุบาลจะเริ่มทำงานบ้าน หรือดูแลตัวเองขั้นพื้นฐานได้ วิ่งเล่นกับเพื่อนได้โดยไม่ต้องคอยหันกลับมามองคุณพ่อคุณแม่ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสบายใจในตัวเอง มั่นใจร่างกายของตัวเอง และรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมนั้นปลอดภัย รวมไปถึงความซุกซน ไม่ฟังคำพูดของคุณพ่อคุณแม่ นั่นเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นตัวเอง มีความคิดเป็นตัวเอง จึงกล้าที่ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือทำตามสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ
2. เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเหมาะสม มาจากการชื่นชมของพ่อแม่
• ชื่นชมกระบวนการมากกว่าผลลัพธ์ จากการศึกษาในปี 1998 โดย Carol Susan Dweck นักจิตวิทยาและศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาของ Lewis and Virginia Eaton แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พบว่า การยกย่องในความพยายามของเด็ก แทนที่จะชมเชยไปที่ความฉลาด นั้นมีประโยชน์ต่อเด็กเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะทำให้เด็กมีความภาคภูมิใจในตัวเองมากขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น และนำไปสู่การเป็นตัวของตัวเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่าง หากลูกให้ดูผลงานวาดภาพของตัวเอง ไม่ว่าภาพนั้นจะเป็นอย่างไร แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถชื่นชมกระบวนการทำงานของลูก เช่น แม่ชอบสีที่ลูกเลือกจัง หรือแม้แต่ชื่นชมที่ลูกสามารถใช้เวลาสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองจนเสร็จ
• ชมเชยพฤติกรรมเฉพาะเจาะจง เช่นเดียวกับการชื่นชมที่กระบวนการ คุณพ่อคุณแม่ควรชมเชยพฤติกรรมที่ดีของลูกอย่างเฉพาะเจาะจง เช่น ภาพนี้ลูกจินตนาการและถ่ายทอดมันออกมาได้ดีมาก
สิ่งสำคัญก็คือควรชื่นชมลูกด้วยความจริงใจ ไม่พร่ำเพรื่อเพราะคำชมนั้นจะไร้ความหมายสำหรับลูกทันที
3. ‘ไม่แปลกแยก สร้างจุดแข็ง และอารมณ์ดี’ เป็นตัวของตัวเองอย่างมีความสุข
• ปลูกฝังให้ลูกรู้จักความแตกต่างแต่ไม่แปลกแยก ลูกวัยอนุบาลจะเริ่มเข้าใจเรื่องความเหมือนและแตกต่างของบุคคลได้ จึงเป็นช่วงวัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถชวนลูกคุยเรื่องเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลได้ ด้วยการพูดถึงความแตกต่างด้วยคำพูดเชิงบวกกับลูกเสมอ
• ใส่ใจจุดแข็ง แทนที่จะมุ่งมั่นแก้ไขข้อบกพร่องหรือจุดอ่อนของลูกเพียงอย่างเดียว แต่การสนับสนุนและส่งเสริมจุดแข็งของลูก จะช่วยให้ลูกพัฒนาตัวเอง และมั่นใจในตัวเองมากกว่าการย้ำให้ลูกแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองเพียงอย่างเดียว เมื่อคุณพ่อคุณแม่มองเห็นข้อดีหรือจุดแข็งของลูก และช่วยส่งเสริมให้ลูกได้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะขมวดทำให้ลูกเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมั่นใจและมีความสุข
• เป็นตัวเองที่อารมณ์ดี การปลูกฝังให้ลูกรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ อย่างใจเย็น ไม่อารมณ์เสียกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ โดยมีคุณพ่อคุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้เห็น จะช่วยให้ลูกเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
4. ตัวตนของลูก สร้างได้
Shreshtha Dhar นักจิตวิทยาคลินิก ได้แนะนำกิจกรรมสร้างตัวตนของลูกผ่านสิ่งที่วิเศษสองอย่าง ได้แก่ ‘กระจกวิเศษ’ ช่วยสะท้อนให้ลูกเห็นตัวเอง และ ‘พรวิเศษ’ ที่จะช่วยให้ลูกรู้จักประเมินตัวเอง
• กระจกวิเศษ นำกล่องกระดาษแข็ง เจาะรูด้านหนึ่ง วางกระจกเล็กๆ ไว้ด้านใน แล้วให้ลูกส่องมองตัวเองผ่านรูเล็กๆ บนกล่อง และถามว่า ลูกเห็นอะไรบ้าง เมื่อลูกเห็นตัวเองในกระจก ให้บอกว่า ลูกกำลังมองคนที่พิเศษที่สุด คนที่ยิ้มเก่ง คนที่วาดรูปสวย คนที่ชอบปั่นจักรยาน เพื่อแสดงให้ลูกเห็นว่า การรักตัวเอง จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ลูกมั่นใจในตัวเอง ค่อยๆ ก่อร่างปั้นสิ่งที่ตัวชอบ กลายเป็นสิ่งที่ตัวเองเป็นได้อย่างภาคภูมิใจ
• พรวิเศษ ใช้เวลา 5 นาทีก่อนนอน ให้ลูกลองหลับตาแล้วนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำมาตลอดทั้งวัน แล้วถามลูกว่า หากคะแนนเต็ม 5 คะแนน วันนี้ลูกจะให้คะแนนตัวเองเท่าไร เพราะอะไร และคะแนนนั้นจะเป็นเหมือนพรวิเศษที่ทำให้ลูกอยากทำเรื่องดีๆ ที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจในตัวเองมากขึ้น นั้นเท่ากับว่า ลูกกำลังเรียนรู้การเป็นตัวของตัวเองที่ดีขึ้นในทุกวันยังไงล่ะ
COMMENTS ARE OFF THIS POST