READING

อย่าละการเล่นบนพื้นบ้าน: เพราะการเล่นแบบพื้นๆ นี่แ...

อย่าละการเล่นบนพื้นบ้าน: เพราะการเล่นแบบพื้นๆ นี่แหละ ที่ดีต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูก

ในยุคที่การพาลูกออกไปนอกบ้านสักครั้งทำเอาคุณพ่อคุณแม่ต้องคิดหนัก เพราะไหนจะเชื้อโรค ไหนจะสภาพอากาศ แต่พอลูกต้องอยู่แต่ในบ้าน ก็กลายเป็นกังวลเพิ่มไปอีก ว่าลูกจะขาดกิจกรรมโลดโผน ไม่ได้ออกกำลังกาย หรือไม่ได้เล่นจนเลอะเทอะถึงอกถึงใจไปหรือเปล่า 

คนเป็นแม่นี่เครียดไปหมดทุกทางจริงๆ

แต่ความจริงแล้ว เด็กๆ ปรับตัวง่ายกว่าที่เราคิด พวกเขาสามารถมองหาความสนุกได้จากพื้นที่ใกล้ตัว เริ่มต้นที่ข้างในบ้านของเราเองนี่แหละ การเล่นพื้นๆ บนพื้นบ้าน ก็สนุกและเรียนรู้ได้ จะทำงานศิลปะ เล่นบทบาทสมมติ หรือตีลังกาโลดโผนยังไง ก็ทำในบ้านของเราเองได้ สำหรับเด็กๆ แล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเลย

M.O.M จึงชวนคุณพ่อคุณแม่ มามองเห็นความสำคัญของการไม่ ‘ละ’ การ ‘เล่น’ บนพื้นบ้านกันค่ะ ว่าการเล่นง่ายๆ บนพื้นบ้าน มอบพลังการเรียนรู้ให้กับลูกน้อยมากแค่ไหน

เด็กเรียนรู้อย่างมั่นคงเมื่อเท้าได้สัมผัสพื้น

ธรรมชาติการเติบโตของเด็กๆ นั้นต้องการความมั่นคงจากการได้เคลื่อนไหวอย่างอิสระ สังเกตได้ว่าห้องเรียนในโรงเรียนอนุบาล จึงไม่จำเป็นต้องมีโต๊ะและเก้าอี้มากนัก นั่นเป็นเพราะว่า เด็กๆ จะเรียนรู้ได้เต็มที่เมื่ออยู่บนพื้นราบ และยังสอดคล้องกับพัฒนาการตามวัย ที่เด็กๆ ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองให้นั่งนิ่งๆ อยู่บนโต๊ะและเก้าอี้ได้นาน การปล่อยให้เด็กได้เล่นบนพื้น จึงช่วยสร้างความมั่นใจ ให้เด็กๆ สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามอย่างใจคิด 

ท่าทางที่สบายที่สุดของเด็กๆ จึงเป็นการนั่งยืดแข้งยืดขาต่อบล็อกไม้ บางคนนอนราบกระดิกเท้าไปมา แล้วเล่นวาดรูประบายสี เด็กที่ชอบโลดโผนหน่อย ก็จะกระโดดไปมา ทำท่าทางตีลังกา หรือสมมติตัวเองว่าเป็นสัตว์ หรือตัวละครในนิทานที่คุ้นเคย 

เมื่อเด็กรู้สึกมั่นคงและมีอิสระมากพอ เราจะได้เห็นจินตนาการและความสนุกสนานในการเล่นง่ายๆ บนพื้นบ้าน แบบที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเหนื่อยซื้อของเล่นมาให้เลยด้วยซ้ำ

มอบโอกาสให้ลูกได้ล้มบนพื้นบ้างเพื่อสร้างรากฐานของความมั่นใจ

คุณพ่อคุณแม่อาจมีความกังวลว่า ในบ้านของเรานั้นมีเหลี่ยมมุมมากมาย มองไปทางไหนก็อันตรายไปหมด ขนาดพื้นบ้าน ก็ยังกลัวว่าจะแข็งเกินไปสำหรับการล้มลุกคลุกคลานของลูก

ที่จริงแล้วการดูแลความปลอดภัยให้ลูกเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เป็นจริงของบ้านด้วยเช่นกัน เช่น เมื่อเด็กๆ ถึงวัยฝึกคลาน แม้การอยู่ในคอกกั้นนิ่มๆ ก็ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายกังวลเรื่องอุบัติเหตุไปได้ แต่เมื่อมีโอกาส ที่มีคนอยู่และมองเห็นเด็กๆ อยู่ในสายตา ก็ควรปล่อยให้ลูกได้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระบนพื้นรอบบ้าน แรกๆ เขาอาจจะไปชนตรงโน้นตรงนี้จนมีเสียน้ำตา แต่ว่านั่นคือประสบการณ์ ได้บริหารสัญชาตญาณด้านการระวังภัย ที่จะทำให้ในครั้งต่อไป ลูกจะเรียนรู้ที่ล้มแล้วลุก และระมัดระวังได้ด้วยตัวเขาเอง

หรือในยุคที่เด็กๆ ออกไปเล่นนอกบ้านไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถเคลียร์พื้นที่ให้โล่ง (เท่าที่พอจะทำได้) เอาไว้ให้เด็กๆ ได้โลดโผน ออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้เต็มที่ หยิบเอาเก้าอี้มาต่อเรียงทำเป็นด่านให้มุดหรือปีน เอากล่องพัสดุมาวางแล้วให้เด็กๆ กระโดดข้าม หากบ้านไหนเป็นสายตีลังกาม้วนหน้าหลัง ก็หาเบาะที่มีความหนาเหมาะสม มาไว้สำหรับตอนทำท่วงท่าเหล่านี้เพื่อความปลอดภัย

กำหนดขอบเขตบนพื้นบ้านเพื่อฝึกความรับผิดชอบ

บ้านที่มีเด็ก คงจะต้องทำใจว่าบ้านที่เคยสะอาดเรียบร้อย จะเปลี่ยนเป็นบ้านที่เริ่มเต็มไปด้วยของเล่นนานาชนิด พื้นที่เคยสะอาดก็ชักจะมีร่องรอยของสีสัน คุณแม่ที่รักความสะอาดเห็นแล้วก็อ่อนใจ เก็บกวาดไปก็บ่นลูกไป เมื่อเห็นลูกเริ่มเล่นครั้งใหม่ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องปรามกันไว้ก่อนว่า อย่าทำพื้นเลอะเทอะนะลูก 

แต่ความจริงแล้ว พื้นบ้านเรานี่แหละที่เป็นโรงเรียนชั้นยอดที่จะส่งเสริมให้ลูกได้เล่นและปลดปล่อยจินตนาการ ควบคู่ไปกับการฝึกวินัยและการกำกับตัวเอง โดยคุณแม่อาจกำหนดพื้นที่สักมุมหนึ่งของบ้าน ทำอาณาเขตไว้ให้ชัดเจน เช่น ใช้เทปกาวสีแปะไว้บนพื้น หรือจะให้ลูกช่วยคิดวิธีก็ได้ จากนั้นพูดคุยทำความเข้าใจกับลูกว่า พื้นที่นี้คือที่ที่ลูกสามารถเล่นได้อย่างอิสระ จะทำรก หรือเลอะเทอะไปบ้างก็ได้ตามใจ และหนูจะต้องเป็นคนรับผิดชอบดูแลพื้นที่นี้ด้วยตัวเอง

ดังนั้น ถ้าลูกเล่นแล้วเลอะเทอะ คุณแม่คงต้องวางใจนิ่งเฉย แล้วปล่อยให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองว่า พื้นที่ที่มีสิ่งของวางเกะกะและไม่ได้ทำความสะอาดก็จะเล่นสนุกได้น้อยลง แล้วลูกก็จะเห็นความสำคัญของการรักษาพื้นที่การเล่นของตัวเอง โดยที่คุณแม่ไม่ต้องคอยบ่นให้เสียความสัมพันธ์เลย

ตัวช่วยเตรียมพื้นบ้านให้เป็นพื้นที่เป็นมิตรพร้อมเล่นอยู่เสมอ

เพราะเด็กๆ ไม่ควรละการเล่นบนพื้นบ้าน ดังนั้นหน้าที่ของคุณพ่อบ้านแม่บ้านอย่างเรา ก็คือการเตรียมบ้านให้พร้อมรับมือกับทุกรูปแบบการเล่น ด้วยการถูทำความสะอาดบ้านเพื่อเตรียมพื้นให้สะอาดปลอดภัย มีสุขอนามัยที่ดี และช่วยเก็บงานความเลอะหลังการเล่นของลูกๆ ได้เพื่อความสะอาดตา 

น้ำยาถูพื้นมาจิคลีน สูตรใหม่ Natural Essence มีส่วนผสม Chamomile Essential Oil จากธรรมชาติ ที่ผ่านการทดสอบการระคายเคืองโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนัง ทำให้คุณแม่มั่นใจได้ ว่าไม่ว่าลูกจะลงไปกลิ้งสมบุกสมบันบนพื้นขนาดไหน พื้นบ้านก็จะยังเป็นมิตรที่ไม่สร้างความระคายเคืองให้กับผิวหนังอ่อนโยนของลูกน้อย 

คุณแม่เองก็สบายใจได้เรื่องความสะอาด ด้วยมาตรฐานของมาจิคลีน และบรรยากาศในบ้านก็จะผ่อนคลายมากขึ้น ด้วยกลิ่นหอมโทนธรรมชาติ ที่มีให้เลือกถึงสองกลิ่น คือ สีชมพู Uplift Story ที่มีส่วนผสมของ Geranium and Petite Jasmine และ สีเขียว Peaceful Story กลิ่น Cedarwood and Bergamot 

ให้ตัวช่วยที่ดีอย่างมาจิคลีน Natural Essence ทำให้พื้นบ้านของเรา เป็นพื้นที่ที่เป็นมิตรต่อการเล่นของลูก


RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST