READING

ทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงไม่ควรปล่อยให้ลูกรอหรืออยู่คนเด...

ทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงไม่ควรปล่อยให้ลูกรอหรืออยู่คนเดียว

พ่อแม่อาจไม่สามารถอยู่กับลูกได้ตลอดเวลา และมีหลายครั้งที่ต้องเอาลูกไปฝากไว้กับปู่ย่าตายาย ฝากไว้กับเพื่อนบ้าน เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งทางเลือกสุดท้ายที่พ่อแม่ไม่อยากทำ คือการปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวตามลำพัง

 

คุณพ่อคุณแม่อาจคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เราลองชวนผู้ใหญ่ที่เคยผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาแชร์เรื่องราวและเหตุการณ์ฝังใจเกี่ยวกับการถูกปล่อยให้รอ หรือทิ้งให้อยู่คนเดียว แล้วจะพบว่า เรามักจดจำช่วงเวลาที่ถูกปล่อยให้รอได้ แม้จะผ่านไปนานเท่าไรแล้วก็ตาม

ประสบการณ์ตรงจากการถูกปล่อยให้รอคนเดียว

1. “โทร.ให้แม่มารับ แต่พ่อรับสายแล้วบอกว่าแม่รถคว่ำ”

—ชนม์ณนันท์ ถายาธัชนันท์ (ลูกจ้างโครงการธนาคารออมสินภาค 7)

kidalone_1

“ตอนนั้นอยู่ ป.6 วันนั้นเป็นวันกินเลี้ยงจบอนุบาลของโรงเรียน ฝนก็ตก งานเลี้ยงก็ใกล้เลิกแล้ว เลยโทร.ตามให้แม่มารับได้แล้ว ตอนโทร.หา สายแรกแม่รับสายนะ แต่พอโทรอีก 2-3 สาย แม่ก็ไม่รับ จนเพื่อนกลับบ้านกันไปหมดแล้ว เหลือเราอยู่กับเพื่อนสองคน ก็เลยโทร.ไปอีก แต่คราวนี้พ่อรับโทรศัพท์แทน บอกว่าแม่รถคว่ำ แต่ไม่ได้เป็นไรมากนะ แต่เราก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำๆ อีก”

2. “รถโรงเรียนมาส่งที่บ้านตั้งแต่สี่โมงเย็น แต่กลับไม่มีใครอยู่บ้าน บ้านก็ล็อก…”

—ศาสตรกวิน ลภัสรดาเศรษฐ์ (ว่างงาน)

kidalone_2

“เคยแต่โดนทิ้งตอนเด็ก ตอนนั้นไปโรงเรียน รถโรงเรียนมาส่งที่บ้านตั้งแต่สี่โมงเย็น แต่กลับมาไม่มีใครอยู่บ้าน บ้านก็ล็อก จำได้ว่าเดินไปมาหน้าบ้านตั้งแต่สี่โมงถึงหกโมงเย็น ลุงมารับที่บ้านบอกว่าทุกคนไปงานรับปริญญาพ่อ พ่อไปรับน้องที่โรงเรียนแล้วตั้งแต่ตอนกลางวัน ตอนเย็นเขามีกินเลี้ยงกัน พอไปถึงที่งานเลี้ยง พ่อถามทำไมมาช้าจัง ให้ลุงไปรับตั้งนานแล้ว สรุปว่าวันนั้นลุงแวะดื่มเหล้าก่อน เลยไม่ได้ไปรับเรา เรื่องวันนั้นเลยเป็นปมในใจมาจนถึงทุกวันนี้”

3. “ตื่นมาแล้วไม่เจอใคร…”

—กมลวรรณ ม่วงคำ (กราฟิกดีไซเนอร์ / นักตัดต่อวิดีโอ)

kidalone_3

“เหตุการณ์ที่ทำให้กลัวการโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว มันเริ่มมาจากตอนสมัยอยู่ประถม พ่อกับแม่ชอบให้อยู่เฝ้าบ้านคนเดียว พอโตมา เวลาที่อยู่กับใคร พอตื่นมาแล้วคนนั้นไม่อยู่ หรือออกไปไหนไม่บอก จะตกใจมากเลย รู้สึกใจไม่ดี อยากร้องไห้”

4. “กินไอติมเสร็จแล้ว แม่ก็ยังไม่มา…”

—ทักษพร สาราพฤษ (ฟรีแลนซ์)

kidalone_4

“ตอนไปเที่ยวห้างฯ แล้วแม่ทิ้งไว้ที่ร้านไอติม เรียกแม่ แต่แม่ไม่อยู่ ก็นั่งรอ คิดว่าเดี๋ยวแม่ก็มา จนไอติมหมดแม่ก็ยังไม่มา เลยร้องไห้ พี่พนักงานที่ร้านถามว่าเป็นอะไร เลยตอบไปว่าแม่ไหนๆ (แม่อยู่ไหน) พนักงานก็บอกว่า อ่อ! เดี๋ยวแม่มา แม่ไปซื้อของ เลยฝากหนูไว้ที่ร้าน แต่ก็ยังไม่หยุดร้อง ยังร้องไห้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะตอนนั้นคิดว่าทุกคนโกหกและคิดว่าโดนทิ้งจริงๆ ร้องแบบว่าเมื่อไหร่แม่จะมา สักพักแม่ก็เดินมา เลยค่อยๆ หยุดร้องไห้”

5. “เมื่อไหร่แม่จะมารับ… / ลูกฉันอยู่ไหน…”

—พิชญา เตระจิตร (คอนเทนต์ครีเอเตอร์)

kidalone_5

“ตอนนั้นประมาณ ป.1 หรือ ป.2 จำไม่ได้แล้ว จำได้แต่ว่าแม่มารับช้ามากกกก ในโรงเรียนไม่มีใครเลย ตอนนั้นกลัว มองไปทั่วโรงเรียนและคิดในใจตลอดเลยว่า เมื่อไหร่แม่จะมารับสักที คิดจนร้องไห้ออกมา จนกระทั่งมีคุณครูมาเจอเข้า และเขารู้ว่าบ้านเราอยู่ใกล้กัน คุณครูเลยพาเรากลับบ้านด้วย

ทีนี้แม่ไปรับที่โรงเรียนไม่เจอ ก็ตกใจ แต่คงรู้จากที่โรงเรียนว่าเรากลับบ้านไปกับครูที่บ้านอยู่ใกล้เรา แม่เลยรีบตามไปรับที่บ้านครู จำได้ว่าวันนั้นยังไม่ทันเข้าไปนั่งในบ้านครู แม่ก็มารับพอดี

วันนั้นแม่อธิบายให้ฟังว่าทำไมถึงมารับช้า ตั้งแต่นั้นแม่ก็ให้ท่องจำเบอร์แม่ไว้จนขึ้นใจ และสั่งว่าจะกลับกับคนอื่นให้โทร.บอกแม่ จะไปไหนมาไหนให้โทร.บอกแม่ด้วย เอาจริงๆ แล้วพ่อแม่เราไม่ได้มารับช้าตลอดหรอก มีวันที่มาเร็ว มาช้าบ้าง แต่หัวสมองเราเองนี่แหละ ดันจดจำภาพและความรู้สึกวันที่พ่อแม่มารับช้าฝังใจเอง”

ประสบการณ์ที่ถูกปล่อยให้รอจะส่งผลกระทบต่อจิตใจเด็กๆ ดังนี้

 

  1. กลัว

ความกลัวเป็นอารมณ์และความรู้สึกที่เกิดจากการรับรู้ ว่ามีบางสิ่งมาคุกคามชีวิต ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่สบายใจ เช่น กลัวพ่อแม่ไม่มารับ กลัวการไม่เป็นที่รัก กลัวถูกลืม

ถ้าพ่อแม่ทำให้ลูกรู้สึกหวาดกลัวว่าจะถูกลืมหรือถูกทิ้งตลอดเวลา เด็กอาจจะขาดความมั่นใจในตัวเอง และไม่มั่นใจในการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคตได้

 

  1. ร้องไห้

การร้องไห้เป็นผลสืบเนื่องมาจากความกลัวนั่นเอง ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบสนองความกลัวของร่างกาย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่กลัวแล้วจะร้องไห้ ในเด็กบางคนอาจแสดงอารมณ์โกรธ โมโห และก้าวร้าวแทนด้วยซ้ำ

 

  1. กลายเป็นปมฝังใจ

เมื่อถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวบ่อยๆ เด็กๆ อาจเก็บเหตุการณ์เหล่านี้เอาไว้ในจิตใต้สำนึก และกลายเป็นปมฝังแน่นในจิตใจ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่จะมีนิสัยไม่ชอบการรอคอย ไม่รู้จักรอคอยผู้อื่น เพราะพวกเขามีประสบการณ์การรอคอยที่ไม่น่าจดจำในวัยเด็กนั่นเอง

 

เพราะฉะนั้น หากคุณพ่อคุณแม่มีธุระจำเป็นที่ต้องไปรับลูกช้าหรือปล่อยลูกไว้ลำพัง คุณพ่อคุณแม่ควรใช้เหตุผลบอกกับลูกให้เข้าใจ ถึงความจำเป็นที่ทำให้เขาต้องรอหรืออยู่คนเดียวบ้างบางเวลา มีการนัดหมายให้แน่นอน ว่าคุณจะสามารถมาหาเขาได้เวลาไหน และพยายามอย่าผิดสัญญาที่ให้ไว้กับลูกบ่อยเกินไป จะช่วยทำให้ลูกรู้สึกอุ่นใจ และไม่กลัวว่าจะถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพัง


Pitchaya T.

ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเป็นของขวัญจากธรรมชาติ ที่ช่วยยืนยันว่ามนุษย์คนนี้คือเด็ก :)

RELATED POST