คุณพ่อคุณแม่รู้ดีว่า เมื่อลูกเข้าโรงเรียนแล้ว โอกาสที่จะกลับบ้านมาพร้อมอาการเจ็บป่วย เป็นไข้ ไม่สบาย ย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย
ยิ่งช่วงฤดูฝน ลูกในวัยอนุบาลของพวกเราก็มักจะมีได้อาการไอ มีน้ำมูก และเป็นไข้ติดตัวกลับมาจากโรงเรียนเสมอ แต่หากอาการไอเริ่มมากขึ้น หายใจเหนื่อย ไข้สูง ลูกอาจไม่ได้เป็นไข้หวัดธรรมดา แต่อาจเป็นอาการที่มาจากการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจ เช่น ไวรัส RSV ที่คุณพ่อคุณแม่ส่วนมากคุ้นเคย นอกจากนั้นยังมี ไวรัส hMPV ที่กำลังระบาดในเด็กอนุบาลเช่นเดียวกัน
1. ไวรัส hMPV มักตามมาฤดูกาล
จากข้อมูลศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่า ไวรัส hMPV มักมาตามฤดูกาล ซึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาจะระบาดในช่วงฤดูหนาว และคงอยู่จนถึงฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะในช่วงกลางเดือนมีนาคม ที่พบเด็กป่วยติดเชื้อไวรัส hMPV 10.9% ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด อย่าง covid-19 ประมาณ 36% ส่วนในประเทศไทย มักจะระบาดในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ประมาณปลายเดือนสิงหาคม ถึงเดือนตุลาคม ของทุกปี
2. จู่โจมเด็กอนุบาล เป็นอันดับสองรองจาก RSV
การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน The Lancet ปี 2020 พบว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีติดเชื้อไวรัส hMPV ประมาณ 14.2 ล้านรายทั่วโลก และจากการตรวจเลือดระบุว่า เด็กส่วนใหญ่มักเป็นโรคนี้ตอนอายุ 5 ปี ทั้งยังพบว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กติดเชื้อทางเดินหายใจเป็นอันดับสองรองจากไวรัส RSV
Dean Blumberg หัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อในเด็ก ระบุว่าเชื้อไวรัส hMPV ทำให้เกิดโรคคล้ายกับไวรัส RSV เป็นอย่างมาก และแม้จะระบาดในหมู่เด็กอนุบาล แต่สำหรับเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี หากติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ มักจะเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น หลอดลมฝอยอักเสบมากที่สุด
3. อาการคล้ายไข้หวัด เสี่ยงปอดบวม และอาจเป็นโรคหอบหืดหลังติดเชื้อได้
ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention – CDC) ระบุว่า อาการเบื้องต้นจะคล้ายไข้หวัด ได้แก่ ไอ มีไข้ คัดจมูก หายใจลำบาก กรณีที่รุนแรงขึ้น อาจทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง จนนำไปสู่ ‘โรคหลอดลมอักเสบ’ หรือ ปอดบวมได้ ทั้งยังทำให้เกิดการกระตุ้นของหลอดลม ส่งผลให้อาจเป็นโรคหอบหืดหลังติดเชื้ออาร์เอสวีได้เหมือนกัน
Dr. John Williams กุมารแพทย์จากมหาวิทยาลัยกล่าว มหาวิทยาลัยพิตส์เบิร์ก ระบุว่า การติดเชื้อทางเดินหายใจ เป็นหนึ่งในสาเหตหลักที่ทำให้เด็กต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และยังเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้อาจเด็กเสียชีวิตได้
Larissa May ศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและการตรวจหาโรคติดเชื้อ ระบุว่า ผู้ปกครองยังไม่ต้องเป็นกังวลมากเท่าไหร่ เพราะแม้จะอยู่ในตระกูลเดียวกันกับ RSV แต่ก็คือหนึ่งในสาเหตุของการเป็นโรคไข้หวัด ซึ่งในเด็กรายบางสามารถหายเองได้ในเวลาสั้นๆ แต่โดยส่วนใหญ่มักจะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
4. รักษาตามอาการ แอดมิตที่โรงพยาบาลเมื่อรุนแรง
ในปัจจุบันยังไม่มียาต้านหรือวัคซีนป้องกันไวรัส hMPV ทำให้การรักษาจึงเหมือนกับไข้หวัด เช่น การให้ของเหลวเยอะๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัดจมูก ยาแก้ปวดลดไข้ รวมไปถึงการพ่นยาขยายหลอดลม หรือกรณีหากมีเสมหะมาก แพทย์อาจพิจารณาเคาะปอด ดูดเสมหะ หรือทำการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
COMMENTS ARE OFF THIS POST