READING

ลูกไม่สบาย : ไม่อยากให้หยุดเรียนนาน แต่จะให้กลับไป...

ลูกไม่สบาย : ไม่อยากให้หยุดเรียนนาน แต่จะให้กลับไปโรงเรียนเมื่อไหร่ดี?

ลูกไม่สบาย

คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยอนุบาลย่อมรู้ดีว่า เมื่อลูกไปโรงเรียนก็เท่ากับการเพิ่มความเสี่ยงให้ลูกมีโอกาสป่วยไข้มากขึ้น

สาเหตุที่ทำให้ ลูกไม่สบาย ในช่วงวัยนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภูมิคุ้มกันของลูกยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ในขณะที่สภาพแวดล้อมช่างเอื้ออำนวยต่อการรับเชื้อโรคเข้าร่างกายมากกว่าอยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการใกล้ชิด ใช้สิ่งของร่วมกับเด็กคนอื่น หรือเมื่อมีเด็กที่ไม่สบายมาโรงเรียนตามปกติ ก็มีโอกาสที่จะแพร่เชื้อให้เด็กคนอื่นเจ็บป่วยและไม่สบายตามไปด้วย

ดังนั้น เมื่อ ลูกไม่สบาย หรือเริ่มมีอาการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย คุณครูจึงต้องขอความร่วมมือจากคุณพ่อคุณแม่ให้ลูกได้หยุดพักผ่อนจนกว่าจะหายดี เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อหรือส่งต่อเชื้อโรคสู่เพื่อนร่วมชั้น

แต่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่อยากให้ลูกหยุดเรียนบ่อย หรือขาดเรียนหลายวัน อาจพยายามให้ลูกรีบกลับไปเรียนตามปกติให้เร็วที่สุด แต่ความจริงแล้ว สำหรับเด็กวัยอนุบาล คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องรีบร้อนให้ลูกกลับไปโรงเรียนทันทีที่หายป่วยหรือไม่ เราลองมาทำความเข้าใจว่าทำไมเมื่อลูกป่วย แม้เพียงเล็กน้อยจึงต้องหยุดเรียนและเมื่อไหร่ถึงจะควรกลับไปเรียนตามปกติกันอีกครั้งนะคะ

1. ป่วยอยู่บ้าน ลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ และรับเชื้อมาเพิ่ม

sickschool_web_1

• ป่วยแล้วไปโรงเรียนเสี่ยงแพร่เชื้อแบบกลุ่มก้อน Dr. Evelyn Chan กุมารแพทย์ในรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ยืนยันว่า การกลับไปโรงเรียนทั้งที่เด็กยังป่วย จะมีโอกาสติดเชื้อเพิ่มขึ้น และเมื่อเด็กๆ ใกล้ชิดกันเอง ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อแบบเป็นกลุ่มก้อน

• ป่วยพักอยู่บ้านลดแพร่เชื้อหรือรับเชื้อเพิ่ม Abisola Olulade แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวในซานดิเอโก ระบุว่า คนเราเจ็บป่วยได้ และควรที่จะหยุดพัก เพื่อให้ร่างกายมีเวลารักษาตัวเอง โดยเฉพาะเด็กเล็ก ไม่ควรให้ไปโรงเรียน เพราะมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อให้เด็กคนอื่น รวมถึงคุณครู และคนอื่นๆ นอกจากนี้หากในห้องเรียน มีเด็กที่ร่างกายไม่แข็งแรง หรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพและมีโอกาสเสียชีวิตได้ง่ายกว่าเด็กคนอื่นๆ

• อย่าเพิ่งให้ลูกที่อยู่ในช่วงพักฟื้นรีบกลับเรียนตามปกติ วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อโรคไปสู่คนอื่นคือการให้เด็กที่ป่วยได้พักผ่อนอยู่ จนกว่าจะหายสนิท นอกจากนั้น หากลูกรีบกลับมาเรียนเร็วเกินไปโรคจากไวรัสหลายชนิดจะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะช่วงที่กำลังฟื้นตัว ทำให้มีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อเพิ่ม หรือมีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่าย

2. กลับเรียนตามปกติได้ หากไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่อาเจียน อย่างน้อย 24 ชั่วโมง

sickschool_web_2

Dr. Anne Liu ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า เด็กๆ สามารถกลับไปเรียนได้ตามปกติ หลังจากเริ่มมีอาการไม่สบายอย่างน้อย 10 วัน หรือไม่มีไข้ ไม่อาเจียน ท้องร่วง หรือคลื่นไส้เป็นเวลา 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องใช้ยาลดไข้ และสำหรับเด็กที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาจจำเป็นต้องให้รักษาตัวอยู่ที่บ้านนานขึ้น

Dr. Natasha Burgert กุมารแพทย์ในสถานพยาบาลเอกชนชานเมืองในโอเวอร์แลนด์พาร์ค รัฐแคนซัส ยืนยันว่า เมื่อลูกป่วยควรอยู่บ้าน ไม่ควรไปโรงเรียน โดยเฉพาะที่เด็กที่ไข้สูง 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป ท้องร่วงติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง ไอถี่จนรบกวนผู้อื่น รูปแบบการหายใจเปลี่ยนไป ตาแดงหรือติดเชื้อที่ตา ปวดหัวหรือเจ็บคออย่างมากร่วมกับการมีไข้ ปวดท้องเฉียบพลันและรุนแรง รวมถึงเมื่อตรวจเจอการติดเชื้อไวรัสต่างๆ โดยเฉพาะโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ และไวรัส RSV เป็นต้น

3. เมื่อไหร่ถึงกลับไปโรงเรียนตามปกติได้

sickschool_web_3

• ลูกติดเชื้อ RSV สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (AAP) ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เด็กที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอสามารถแพร่เชื้อไวรัส RSV ได้นานถึง 4 สัปดาห์ แต่เด็กๆ สามารถกลับไปโรงเรียนได้เมื่อไม่มีไข้ กินได้เหมือนเดิม นอนหลับได้ดี การหายใจเป็นปกติ แม้ว่าจะยังคงมีอาการไอเล็กน้อย เพราะไวรัส RSV จะทำให้เด็กยังคงไอต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ได้โดยไม่แพร่เชื้อให้คนอื่น

• ลูกเป็นตาแดง เด็กๆ สามารถกลับไปโรงเรียนได้เมื่อหายดี กรณีที่เป็นตาแดงจากภูมิแพ้ของตา จะต้องมีใบรับรองจากจักษุแพทย์ก่อนมาโรงเรียนเช่นกัน

• ลูกเป็นโรคมือเท้าปาก การติดเชื้อไวรัสนี้ทำให้เกิดตุ่มพองและแผลเล็กๆ ในปาก รอบจมูก ริมฝีปาก บนฝ่ามือและฝ่าเท้า เด็กสามารถกลับไปเรียนตามปกติได้หลังจากแผลตกสะเก็ดหมดแล้ว ไม่มีไข้ กินได้ วิ่งเล่นได้ และไม่ซึม

• ลูกเป็นไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้ง่ายมาก ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีควัคซีนทุกปี เด็กที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ต้องอยู่บ้าน จนกว่าจะไม่มีไข้เป็นเวลา 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกินยาลดไข้ กินข้าวได้ตามปกติ ไม่มีอาการเหนื่อยอ่อน หรือปวดเมื่อยตามร่างกาย สดชื่นขึ้น แม้ว่าอาจจะยังอาการไอต่อเนื่องเล็กน้อย ที่อาจกินเวลานาน 2-3 สัปดาห์ ก็สามารถให้ลูกไปโรงเรียนได้ตามปกติ

• ลูกเป็นโควิด–19 ควรอยู่บ้านเป็นเวลา 5 วันนับจากเริ่มมีอาการ หรือวันที่มีผลการตรวจเป็นบวก และสามารถกลับลไปเรียนได้ตามปกติในวันที่ 6 หากอาการดีขึ้น แต่ยังคงต้องเฝ้าระวัง และสวมหน้ากากอนามัยตลอดจนถึงวันที่ 10 แต่หากวันที่ 6 ยังมีอาการไม่สบายอยู่ ควรหยุดเรียนอยู่บ้านให้ครบ 10 วัน

• ท้องเสียเพราะโนโรไวรัส เป็นไวรัสทางเดินอาหารที่ติดต่อได้ง่ายมาก ไม่ควรไปโรงเรียน และต้องอยู่บ้านต่ออีก 2 วันหลังจากการหายดีแล้ว

4. แนะนำลูกให้ดูแลตัวเอง อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ จากเพื่อนที่ไม่สบาย

sickschool_web_4

คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังให้ลูกรู้จักการรับผิดชอบต่อตัวเองและส่วนรวม โดยเฉพาะเมื่อเราไม่สบาย เช่น ควรหยุดพักรักษาตัวที่บ้าน ไม่ควรออกไปในพื้นที่สาธารณะ หยุดเรียนชั่วคราว หรือหากจำเป็นต้องออกนอกบ้านจริงๆ ควรใส่หน้ากากอนามัย ไอจามต้องใช้ข้อพับศอกปิดปาก ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หรือเจลล้างมือแอลกอฮอล์ ไม่เอามือเข้าปาก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าร่างกายได้ง่าย และไม่ใช้สิ่งของร่วมกับคนอื่น เพื่อลดการแพร่เชื้อโรคต่อไป

หากเห็นว่าเพื่อนไม่สบาย เช่น ไอ มีน้ำมูก ควรอยู่ห่างๆ และอย่าเพิ่งเล่นกับเพื่อนชั่วคราว ด้วยการบอกเพื่อนว่า ให้หายดีก่อน แล้วเราจะกลับมาเล่นด้วยกันเหมือนเดิม

Dr. Carol Nwelue แพทย์ จาก Baylor Scott & White All Saints Medical Center ยังได้ให้คำแนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกไม่ควรแบ่งปันข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น อุปกรณ์การกินอาหาร หวี แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า หรือขนมที่ไม่มีการแยกห่อแยกชิ้น รวมทั้งไม่ควรกินขนมจากถุงเดียวกัน เพื่อสุขอนามัยที่ดี และป้องกันการเจ็บป่วยต่างๆ ได้

อ้างอิง
whyy.org
cbsnews.com
forbes.com
healthline.com
health.clevelandclinic.org

Saranya A.

ศรัญญา อ่าวสมบัติกุล: คุณแม่มือใหม่ ที่มีความตั้งใจเลี้ยงลูกชายตัวน้อยด้วยการยึดโยงธรรมชาติ และความคิดสร้างสรรค์เข้าด้วยกัน คุณแม่คนนี้หลงรักและทำงานด้านการเขียนมากว่า 12 ปี ตอนนี้มีความฝันอยากเป็นนักวาดนิทานเด็ก

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST