READING

รับมืออย่างไร เมื่อ ‘เรียนออนไลน์’ ทำให้บ้านต้องกล...

รับมืออย่างไร เมื่อ ‘เรียนออนไลน์’ ทำให้บ้านต้องกลายเป็นโรงเรียน และพ่อแม่ต้องเป็นคุณครูจำเป็น

online learning

เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเรายังไม่มีแนวโน้มว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น สิ่งที่เคยเรียกว่า new normal ก็กลายเป็นเรื่องที่ต้องทำต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นความปกติที่ไม่ใช่เรื่องใหม่

แต่ถึงไม่ใช่เรื่องใหม่ ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปรับและเปลี่ยนวิถีชีวิตธรรมดา เคยออกไปทำงาน เคยนั่งกินข้าวในร้านอาหาร เคยนัดพบเพื่อนฝูง และกิจวัตรหลายอย่างที่ต้องขาดหายไป และทำใจให้คุ้นเคยกับวิถีชีวิตแบบใหม่ work from home บ้างล่ะ อยู่บ้านสั่งอาหารเดลิเวรี่ และพบปะผู้คนทางหน้าจอมากกว่าตัวจริง

และสำหรับครอบครัวที่มีลูกอยู่ในวัยเรียน เมื่อโรงเรียนประกาศให้เรียนออนไลน์ เมื่อนั้นบ้านก็ต้องทำหน้าที่เป็นโรงเรียน โดยมีคุณพ่อคุณแม่รับตำแหน่งคุณครูจำเป็นไปโดยปริยาย

แต่เดี๋ยวก่อน… ถึงแม้คุณพ่อคุณแม่มีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น (เพราะออกไปทำงานไม่ได้) แต่งานที่หอบกลับมาทำที่บ้านก็ไม่ได้น้อยลง หน้าที่ตัวเองก็ยังรับผิดชอบ การเรียนของลูกก็ทิ้งไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องรับงานคุณครูจำเป็นไปด้วยจะรับมือเรื่องนี้อย่างไร มาช่วยกันหาทางออกค่ะ

1. อย่าคาดหวังว่าจะทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบ

online learning

ก่อนอื่น คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจ และเตรียมใจ ว่าบ้านอาจจะไม่สามารถทำหน้าที่แทนโรงเรียนได้ครบทุกอย่าง และคุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องไปบ้าง เช่น ถึงแม้จะอยู่กับลูกตอนเรียนออนไลน์ แต่ก็อาจไม่ได้จดจ่ออยู่ที่ลูกร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะต้องทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย ก็ใช่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะทำได้ไม่ดีพอ

เพราะฉะนั้น อย่ากดดันตัวเองว่าจะต้องทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบ แต่ให้เชื่อมั่นคุณพ่อคุณแม่ทำได้ดีที่สุดในสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดมากกว่าปกติเช่นนี้แล้วล่ะค่ะ

2. จัดการตารางเวลาให้ดี

online learning

สิ่งที่จะช่วยให้ลูกได้เรียนออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ตัวเองสามารถรับผิดชอบหน้าที่การงานของตัวเองได้ ก็คือการจัดการตารางเวลาล่วงหน้า วางแผนและแบ่งเวลาว่าแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง เช่น เวลาไหนที่ต้องนั่งดูลูกเรียน เวลาไหนที่สามารถปลีกตัวไปทำงานของตัวเองได้ และกำหนดกิจวัตรที่ต้องทำในแต่ละวันให้ลูกเข้าใจ เพื่อคุณพ่อคุณแม่จะได้ไม่ต้องคอยเรียกหรือคอยเตือนให้ลูกทำอะไรบ่อยๆ และจัดการเวลาของตัวเองได้ดีขึ้น

3. สร้างเวลาคุณภาพ (quality time)

quality time

คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจกังวลว่าเรียนออนไลน์แล้วลูกจะเรียนรู้ได้เต็มที่หรือไม่ แต่ข้อดีของการเรียนออนไลน์ก็คือลูกจะได้รับความใส่ใจจากคุณพ่อคุณแม่ที่คอยนั่งสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ เมื่อเทียบกับการเรียนที่โรงเรียน คุณครูอาจจะต้องแบ่งความสนใจให้เด็กทุกคนในห้อง ดังนั้น แต่ถ้าหากว่าคุณพ่อคุณแม่ใช้เวลาที่ลูกเรียนออนไลน์ให้เป็นเวลาที่มีคุณภาพ ด้วยการนั่งอยู่กับลูก สนใจและใส่ใจในสิ่งที่ลูกเรียนรู้ไปพร้อมกัน ก็ทำให้ช่วงเวลาเรียนออนไลน์ของลูกเป็นช่วงเวลาที่มีคุณภาพของครอบครัวไปด้วยได้

4. ไม่คาดหวังกับลูกมากเกินไป

online learning

หลายครั้งที่การนั่งเรียนกับลูกเป็นเรื่องเครียดของคุณพ่อคุณแม่ เพราะคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าลูกไม่ให้ความร่วมมือกับการสอนของคุณครู และอาจจะตั้งความหวังกับลูกมากเกินไปทำให้บรรยากาศการเรียนรู้เริ่มไม่สนุก เมื่อคุณพ่อคุณไม่สนุก ลูกก็พลอยไม่สนุกไปด้วย

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำให้ลูกมีความรู้สึกไม่ดีกับการเรียน หรือตำหนิตัวเองว่าไม่เก่ง และทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่พอใจ เพราะจะยิ่งกดดันและทำให้ลูกไม่อยากเรียนมากยิ่งขึ้นค่ะ

5. เรียนรู้จากลูก

online learning

การได้ใช้เวลาทำหน้าที่เป็นคุณครูจำเป็นให้ลูก ถือว่าเป็นโอกาสดีๆ ที่จะได้ทำความรู้จักลูกมากขึ้น ได้เห็นว่าลูกชอบหรือสนใจอะไร ลูกถนัดเรื่องไหนเป็นพิเศษ และยังได้สังเกตพฤติกรรมของลูก เพื่อนำมาปรับและสอนทักษะการใช้ชีวิตด้านอื่นๆ ให้ลูกได้ เช่น การรู้จักตัวเอง การควบคุมอารมณ์ตัวเอง เพราะทักษะเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งในการใช้ชีวิต และยังสามารถนำกิจกรรมในบ้านมาประยุกต์สอนให้เข้ากับบทเรียนของลูกก็ยังได้

อ้างอิง
understood

Supinya R.

ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST