บทบาทหน้าที่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ นอกจากจะเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงแล้ว สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ไม่สามารถละเลยได้คือความสุขของคุณพ่อคุณแม่เองนี่แหละ
แน่นอนว่างานเลี้ยงลูกไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะในความเป็นจริง การเลี้ยงลูกอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องเจอทั้งความกดดัน ความผิดหวัง ไม่ได้ดังใจ นำไปสู่ความเครียด และความรู้สึกผิดต่อลูกที่ตามมา
ปี 2021 ที่ผ่านมา M.O.M จึงนำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับการรับมือกับความเครียดของการเป็นคุณพ่อคุณแม่ เพื่อช่วยเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ เพราะการเป็นพ่อแม่ไม่ได้มีหน้าที่แค่เลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุดแต่ยังหมายถึงการดูแลตัวเองให้ดีและมีความสุข แฮปปี้ ไปด้วย
วันนี้เราจึงได้รวบรวมคอนเทนต์แนะนำหมวดคุณพ่อคุณแม่ แฮปปี้ ที่น่าสนใจในปี 2021 มาฝากกันค่ะ
1. เลี้ยงลูกไม่ใช่ไม่เครียด! 5 วิธีช่วยให้คุณพ่อคุณแม่จัดการความเครียดอย่างได้ผล
ถ้าไม่เคยเป็นคุณพ่อคุณแม่ ก็คงยากที่ใครจินตนาการและเข้าใจความเหนื่อยยากในการเลี้ยงลูกให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพในสังคมได้ เพราะเรื่องแบบนี้ ต้องคนเป็นพ่อเป็นแม่เท่านั้นที่จะเข้าใจว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อยและเครียดมากแค่ไหน หน้าที่การงานนอกบ้านที่ว่าเหนื่อยแล้ว เมื่อเทียบกับหน้าที่การเป็นพ่อแม่แล้ว บอกเลยว่าจิ๊บๆ
แต่ยิ่งคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูกด้วยความเครียดมากเท่าไร ผลกระทบที่จะเกิดกับสภาพจิตใจของลูกก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการเลี้ยงลูกจะเป็นอย่างไร หนึ่งในปัจจัยสำคัญก็คือสุขภาพจิตและสภาพจิตใจของคุณพ่อคุณแม่นี่แหละ
แต่คุณพ่อคุณแม่จะมีวิธีผ่อนคลายความเครียดของตัวเองและดูแลจิตใจตัวเองให้มีกำลังใจและเลี้ยงลูกอย่างมีความสุขได้อย่างเรา เรามีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ มาบอกกันค่ะ
—อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่นี่ https://aboutmom.co/features/raising-children-and-stressing/21893/
2. ทำไมช่วงนี้มันเหี่ยวเฉาเหลือเกิน: 4 วิธีเรียกพลังตัวเองกลับมาเป็นพ่อแม่คนเดิม
พอเป็นพ่อแม่เต็มตัว ความสำคัญและความสนใจแทบทั้งหมดในชีวิตก็ทุ่มเทให้กับลูก มากเสียจนบางครั้งคุณพ่อคุณแม่ก็ลืมที่จะดูแลตัวเองสุขภาพร่างกายและจิตใจของตัวเอง
เพราะอยากจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด จนลืมคิดไปว่าการปล่อยให้ตัวเองแบกรับภาระหน้าที่ที่เหนื่อยและหนักอยู่ตลอดเวลา อาจนำมาซึ่งความเครียดและเหนื่อยล้าสะสม จิตใจหม่นหมอง เหี่ยวเฉา และไม่มีความสุขในการเลี้ยงลูกอย่างที่ควรจะเป็น
เราเข้าใจดีว่าการเป็นคุณพ่อคุณแม่ไม่ใช่งานง่าย ไม่มีเวลาเริ่มและเลิกงานที่แน่นอน คำว่าพักผ่อนแทบจะไม่ได้รู้จักกันอีก พอไม่ได้พักผ่อนก็จะเหนื่อย พอเหนื่อยก็จะเครียด และกลายเป็นคนที่หงุดหงิดง่าย พอนานไปก็อาจเกิดความรู้สึกเหี่ยวเฉา เบื่อหน่าย และหมดไฟในการเลี้ยงลูกได้โดยไม่รู้ตัวเอง
ดังนั้น เราจะชวนคุณพ่อคุณแม่มาสูดหายใจลึกๆ แล้วหาวิธีเรียกพลังตัวเองให้กลับมาเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกอย่างมีความสุขกันดีกว่าค่ะ
—อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่นี่ https://aboutmom.co/features/4-ways-to-empower-yourself/24315/
3. 3 พฤติกรรม ที่ทำให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องเครียดสำหรับพ่อแม่
ก่อนมีลูก คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะเคยตั้งความหวังไว้ว่าอยากจะเป็นพ่อแม่ที่มีความสุขในการเลี้ยงลูก และก็อยากจะทำให้ลูกเป็นเด็กที่เติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข แต่พอได้รับบทบาทหน้าที่การเป็นพ่อแม่ขึ้นมาจริงๆ แล้วก็พบว่าเส้นทางของการเลี้ยงลูกนั้นไม่ง่าย และไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คาดหวัง เพราะความเหนื่อยล้าและกังวลใจที่สะสม แทนที่จะมีความสุข รู้ตัวอีกทีคุณพ่อคุณแม่ก็ลายเป็นคนที่เครียดและเหนื่อยหน่ายกับการเลี้ยงลูกไปเสียแล้ว
ก่อนที่จะถึงวันนั้น เราชวนคุณพ่อคุณแม่มาสำรวจตัวเองว่ากำลังมีพฤติกรรมที่ทำให้ตัวเองมีความเสี่ยงจะเป็นพ่อแม่ที่เครียดและไม่มีความสุขในการเลี้ยงลูกหรือไม่ จะได้รีบปรับแก้ได้กันทันท่วงทีนะคะ
—อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่นี่ https://aboutmom.co/features/behaviors-parent/24345/
4. 8 สัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณพ่อคุณแม่กำลังเครียดเกินไปในการเลี้ยงลูก
หน้าที่เลี้ยงดูลูก เป็นงานที่สร้างทั้งความเหนื่อยและความสุขให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้ในเวลาเดียวกัน สิ่งสำคัญก็คือการดูแลภาวะจิตใจและอารมณ์ของคุณพ่อคุณแม่ ไม่ให้เหนื่อยและเครียดมากจนไม่มีเวลาที่จะมีความสุขอย่างที่ควรเป็นเพราะเมื่อพ่อแม่หมดแรงในการเลี้ยงลูก ก็จะทำให้คนในครอบครัวรู้สึกเหนื่อยล้าและไม่มีความสุขไปด้วย
มีหลายงานวิจัยพบว่าอาการเหนื่อยหน่ายและเครียดเกินไปของคุณพ่อคุณแม่ สามารถนำไปสู่พฤติกรรมละเลยลูกนอกจากนั้น คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีความสุขหรือรู้สึกทุกข์ทรมานกับการเลี้ยงลูก ไม่ว่าจะเกิดจากภาวะหมดไฟหรือเครียดเกินไป มีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงกับลูกทั้งทางร่างกายและจิตใจ และอาจรุนแรงถึงขั้นมีความคิดที่จะเลิกเป็นพ่อแม่ต่อไป
—อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่นี่ https://aboutmom.co/features/8-warning-signs-parents-are-too-stressed/24019/
5. พอทีกับการรู้สึกแย่ว่าฉันเป็นพ่อแม่ที่ดีพอหรือเปล่า: 5 วิธีจัดการความรู้สึกลบตามหลักการ Cognitive Behavioral Therapy
สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนต้องแบกรับหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้น การทำงานที่บ้าน ที่ต้องคอยดูแลลูกน้อยเรียนออนไลน์ไปด้วย หลายครอบครัวทำงานบ้านเอง เพราะต้องการลดค่าใช้จ่ายและลดการมีคนนอกเข้าออกภายในบ้าน
ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่การใช้ชีวิตช่วงนี้ก็ต้องมีเหนื่อยและท้อใจกันบ้าง ที่สำคัญก็คือไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะพยายามแค่ไหน ผลที่ได้ก็อาจจะไม่ออกมาตามที่คาดหวัง เช่น เมื่อต้องดูลูกเรียนออนไลน์ ก็อาจจะเสียสมาธิในการทำงาน ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง กลายเป็นไม่ได้โฟกัสทั้งสองสิ่ง หรือพยายามให้ความสนใจลูกอย่างเต็มที่แล้ว ทำไมลูกยังดูไม่มีความสุขบ้าง เรียนหนังสือไม่เข้าใจบ้าง
คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่า ในเมื่อพยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว ทำไมถึงยังรู้สึกว่าทำได้ไม่ดีพอ จำเป็นต้องพยายามมากขึ้นหรือเปล่า แต่แค่นี้ก็เหนื่อยเต็มที่แล้ว
หากใครที่กำลังเผชิญกับการมีความรู้สึกลบต่อตัวเอง เราจะชวนมาทำความรู้จักและจัดการปัญหาดังกล่าวด้วยวิธี CBT หรือ Cognitive Behavioral Therapy แต่จะทำได้อย่างไรบ้าง มาลองเรียนรู้ไปพร้อมกันค่ะ
—อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่นี่ https://aboutmom.co/features/cognitive-behavioral-therapy/23658/
COMMENTS ARE OFF THIS POST