เอาล่ะสิ… เข้มงวดก็ไม่ได้ สปอยล์มากเกินไปก็ไม่ดี แล้วทางสายกลางอยู่ตรงไหน พ่อแม่ต้องเข้มงวดแค่ไหนและตามใจลูกได้แค่ไหน
หนึ่งในสัญชาตญาณที่สำคัญของพ่อแม่ก็คือการปกป้องลูกให้พ้นจากภัยอันตรายให้ได้มากที่สุด แต่การพยายามเป็นพ่อแม่ที่ ปกป้องลูกมากเกินไป (Overprotective Parents) กลับไม่ได้เป็นผลดีต่อลูกมากอย่างที่คิด
ก็เพราะบางพฤติกรรมของลูก ถึงแม้จะพอเข้าใจได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการตามธรรมชาติ แต่พอลูกทำบ่อยๆ เข้า คุณพ่อคุณแม่ก็เริ่มไม่แน่ใจว่า เอ๊ะ นี่ลูกเรากำลังเรียนรู้ หรือกำลังท้าทาย (และกวนประสาท) หรือบางพฤติกรรมก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่มีความกังวลว่า มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกหรือเปล่า…
อาหารที่ให้พลังงานสูงและมีไขมันดีคือทางออกสำหรับบ้านที่กำลังประสบปัญหาลูกกินยาก เลือกกิน จนกังวลว่าลูกจะกลายเป็นเด็กตัวเล็กหรือน้ำหนักน้อยเกินไป ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพระยะยาว
มนุษย์แม่ยืนหนึ่งเรื่องความยุ่งวุ่นวายในชีวิตประจำวันตั้งแต่ลืมตาตื่นในตอนเช้าจนถึงล้มตัวลงนอน เพราะไหนจะต้องเลี้ยงลูก ต้องดูแลความสะอาดปัดเก็บกวาดเช็ดถูบ้านที่มีสภาพเหมือนเพิ่งเกิดสงคราม ไม่ต้องพูดถึงเวลาที่คุณแม่จะไปทำผม ทำเล็บ มาส์กบำรุงผิว ลืมได้เลย นานทีปีหนเท่านั้นที่คุณแม่จะมีเวลาเหลือไปดูแลตัวเอง
ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปลักษณ์ คือสิ่งที่เรามักใช้กำหนดความคิดที่มีต่อผู้อื่น เมื่อเห็น สีดำ คมเขี้ยว จมูกแหลมๆ หรือ ขนาดตัวที่ใหญ่ยักษ์ ฯลฯ เราก็ผูกโยงสิ่งที่เห็นกับอุปนิสัยร้ายๆ ทันที แต่ในโลกความจริง เราไม่สามารถตัดสินคนใคร จากเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก ดั่งสำนวน “Don’t judge a book by its cover”
เรารู้กันดีว่า โฮมสกูล หรือ บ้านเรียน ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่พ่อแม่ทุกคนจะรู้จักและคุ้นเคยจนสามารถวางใจเลือกให้ลูกเล่าเรียนในเส้นทางนี้ได้โดยไม่ต้องหาข้อมูลซ้ำไปซ้ำมาวันละหลายๆ รอบ และคงไม่มีใครที่จะให้ข้อมูลเหล่านี้ได้ดีไปกว่าครอบครัวที่มีประสบการณ์ตรงมาก่อน