‘ความรัก’ มีอิทธิพลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูก คุณพ่อคุณแม่ทุกคนย่อมรักและต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก แต่การมอบความรักที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป อาจส่งผลให้ลูกมีพฤติกรรมที่ไม่น่ารัก
ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย ก็ไม่อาจปฏิเสธสำนวนโบราณที่ว่า ‘ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น’ ไปได้ เพราะลูกเปรียบเสมือนเงาสะท้อนพฤติกรรมของพ่อแม่ ลูกมักจะเลียนแบบสิ่งที่เห็น และได้ยินจากคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
คอลัมน์ Kids Story: เดือนเมษายนนี้ เจลดาได้หยิกยกปัญหาสุดคลาสิกที่เด็กๆ เป็นกัน คือ การเอาแต่ใจ มาเล่าเรียบเรียงเป็นนิทานสอนใจว่าการปล่อยให้ลูกเอาแต่ใจ ชี้นิ้วออกคำสั่ง ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นนั้นจะส่งผลอย่างไรกับเจ้าตัวน้อยบ้าง ผลร้ายที่เด็กๆ ได้รับคงไม่ต่างจากเจ้าชายแห่งสนามเด็กเล่น
เด็กเซนสิทีฟหรือเด็กที่มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย คือเด็กที่มีระบบประสาทสัมผัสทั้งห้าตอบสนองไวกว่าเด็กทั่วไป การเปลี่ยนแปลงรอบตัวเพียงเล็กน้อย ก็เป็นแรงกระตุ้นให้เด็กๆ คิดมากและเกิดความเครียด จนทำให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจว่าลูกเป็นเด็กขี้กลัว ขี้อาย หรือสมาธิสั้น
วันนี้ M.O.M รวบรวม 8 สัญญาที่จะสังเกตได้ว่าลูกของคุณพ่อคุณแม่เป็นเด็กที่มีพัฒนาการดีหรือได้ ได้จากพฤติกรรมต่างๆ ดังนี้
ปัญหาอันดับต้นๆ ของโรงเรียนคือการกลั่นแกล้งและรังแก ทั้งต่อหน้าหรือใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือ เด็กบางคนรังแกเพื่อนเพราะอยากเป็นที่รัก ต้องการเป็นที่สนใจ เด็กบางคนเกิดความเครียดจากที่บ้าน ถูกลงโทษอย่างรุนแรง จึงมาระบายอารมณ์กับเพื่อนที่โรงเรียน
NEWS UPDATE: คุณแม่ตั้งครรภ์แต่งหน้าได้ แต่เลือกเครื่องสำอางที่ไม่มีสาร salicylic acid และ retinoids
เพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้คนรุ่นปู่ย่าตายายกับคุณแม่รุ่นใหม่ มีวิธีการเลี้ยงเด็กที่แตกต่างกัน คุณแม่หลายบ้านต้องเผชิญปัญหาว่าจะทำอย่างไร เพื่อเปลี่ยนใจคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายให้เปิดใจยอมรับว่าความเชื่อและวิธีดั้งเดิมที่เคยทำมาก่อนนั้น ช่างขัดกับหลักการทางการแพทย์ในปัจจุบันเสียเหลือเกิน