เมื่อเบบี๋เริ่มเข้าสู่วัยหัดเดิน (Toddler) ก็มักจะมีพฤติกรรมบางอย่างที่พัฒนาจนทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกตื่นเต้น แต่ก็ยังมีอีกหลายพฤติกรรมที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องปวดหัวไม่น้อย หนึ่งในพฤติกรรมที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับวัยหัดเดินของลูกก็คือการขว้างปาข้าวของ แรกๆ ก็อาจจะดูน่ารัก แต่เมื่อลูกเริ่มหยิบทุกสิ่งและขว้างปาทุกอย่าง คุณพ่อคุณแม่ก็เริ่มต้องหาทางจัดการกับพฤติกรรมนี้บ้าง
คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมคะว่าสมาธินั้นสำคัญกับชีวิตของเราอย่างไรบ้าง และเมื่อพูดถึงสมาธิ หลายคนอาจจะนึกถึงการนั่งสมาธิ หายใจเข้าและหายใจออกช้าๆ และจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานๆ แต่ความจริงแล้ว เราสามารถมีสมาธิได้แม้จะไม่ได้กำลังนั่งสมาธิ และสามารถมีสมาธิได้ในขณะทำกิจกรรมต่างๆ โดยคนที่มีสมาธินั้นนอกจากจะทำให้ใจเย็นแล้ว ยังช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวลต่างๆ มีอารมณ์และจิตใจที่แจ่มใสยิ่งขึ้น และที่สำคัญก็คือสมาธินั้น ไม่ได้มีประโยชน์แค่กับผู้ใหญ่อย่างเราเท่านั้น แต่เด็กๆ เองก็ควรได้รับการฝึกให้มีสมาธิเช่นกันค่ะ
ความยืดหยุ่นในเชิงจิตวิทยา (Resilience) คือ การปรับตัว การฟื้นคืนกลับมามีความสุขได้หลังจากสถานการณ์ที่เลวร้าย ความยืดหยุ่นจึงมีความสำคัญต่อจิตใจของคนเรา ถือเป็นสกิลสำคัญที่ทำให้เรารับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตได้ เมื่อล้มก็กลับมาลุกขึ้นยืนได้ ไม่เสียเวลาอยู่กับความเครียดหรือความวิตกกังวลมากและนานเกินไป
พ่อแม่เป็นคนที่เลี้ยงดูและปลูกฝังพื้นฐานนิสัยต่างๆ ให้กับลูกน้อย เพราะในทุกช่วงวัยที่ลูกกำลังเติบโต พ่อแม่คือคนที่ดูแล แนะนำ สั่งสอน และปกป้องให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ แต่บางครั้งความรักและหวังดี ทำให้คุณพ่อคุณแม่คิดว่าควรจะเข้มงวดกับลูกให้มากที่สุด แต่ความจริงแล้วการเข้มงวดกับลูกจนถึงขั้นบังคับให้ลูกทำสิ่งต่างๆ ไม่ใช่วิธีการปลูกฝังนิสัยที่ดีให้กับลูกเท่าไรนัก
พัฒนาการด้านสติปัญญา (Cognitive Development) เป็นอีกหนึ่งพัฒนาการที่สำคัญในการเติบโตของคนเรา โดยเฉพาะกับเจ้าตัวเล็กที่เพิ่งลืมตาดูโลก และกำลังเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว
นิทานกับเด็กๆ เป็นของคู่กัน นิทานดีๆ หลายเรื่องสามารถช่วยปลูกฝังและขัดเกลาให้ลูกเป็นเด็กที่มีทัศนคติและจิตใจที่ดีได้ รวมไปถึงการเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องที่หลากหลาย จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นิทานนั้นจำเป็นต่อเจ้าตัวน้อยขนาดไหน